ผู้แต่งบทประพันธ์พอใจให้สุขคือใคร

• ชมัยภร แสงกระจ่าง

• ศาสตราจารย์ ดร.กุสุมา รักษมณี

• ศาสตราจารย์กิตติคุณฐะปะนีย์ นาครทรรพ

• ศาสตราจารย์ ดร.อรรถ นาครทรรพ

“ถือสันโดษบำเพ็ญให้เด่นดี ในสิ่งที่เราเป็นเช่นนั้นเทอญ”

คำประพันธ์นี้ตรงกับคำสอนในข้อใด ของพระพุทธเจ้า

• เห็นกงจักรเป็นดอกบัว

• รู้เขารู้เราแล้วท่านจะสุข

• จงพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่

• รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา

. “แม้มิได้เป็นนุชสุดสะอาง จงเป็นนางที่มิใช่ไร้ความดี” .

สำนวนใดตรงข้ามกับคำประพันธ์นี้ มากที่สุด

• เจอไม้งามยามขวานบิ่น

• กระดังงาลนไฟ

• เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้

• สวยแต่รูปจูบไม่หอม

“แม้มิได้เป็นหงส์ทะนงศักดิ์ ……………………………….”

ควรเติมวรรคใดในคำประพันธ์ดังกล่าว

• ก็จงเป็นวันแรมที่แจ่มจาง

• ก็จงรักเป็นโนรีที่หรรษา

• จงพอใจจอมปลวกที่แลเห็น

• ถือสันโดษบำเพ็ญให้เด่นดี

ข้อใดกล่าวถึงคณะของกลอนแปดได้ถูกต้อง

• 1 บท มี 2 บาท

• 1 บท มี 4 บาท

• 1 บท มี 2 วรรค

• 1 บาท มี 4 วรรค

กลอนในข้อใดเป็นกลอนประเภทกลอนสุภาพ

• สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน

• ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร

• เรียมร่ำน้ำเนตรท่วม ถึงพรหม

• วังเอ๋ยวังเวงหง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน

กลอนแปดคำสุดท้ายของวรรคส่งนิยมใช้เสียงวรรณยุกต์ใด

• สามัญ

• เอก

• โท

• จัตวา

ข้อความในข้อใดควรเป็นวรรครับ

• ตูมตั้งบังใบอรชร

• นิลุบลพ้นน้ำขึ้นรำไร

• น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา

• ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว

คำสุดท้ายวรรคสดับควรสัมผัสกับคำใดในวรรครับ

• คำที่ 2 หรือคำที่ 4

• คำที่ 3 หรือคำที่ 6

• คำที่ 2 หรือคำที่ 5

• คำที่ 3 หรือ คำที่ 5

วรรคใดมีสัมผัสอักษรเด่นชัดที่สุด

• ลานอักษรซ่อนหวานผ่านอักษร =

• จิตอาวรณ์หลงใหลในรสหวาน

• ส่งอักษรซ้อนเรียงเพียงจดจาร

• เกิดกลอนกานท์กินใจที่ไพเราะ