ตามหาหัวใจที่ถ้ำเลสเตโกดอน

1. “การเดินทางตามเส้นทางที่ทอดยาวไปยังหมู่บ้านคีรีวง ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ได้เริ่มต้นขึ้น เพื่อค้นหา ศึกษา สำรวจ และชื่นชมมรดกทางธรณี ก่อนที่จังหวัดสตูลและสถานที่แห่งนี้จะได้รับการประกาศ ให้เป็น “อุทยานธรณีโลก” ชีวิตที่ต้องเร่งรีบและพบกับสภาวะอากาศที่ร้อนระอุก็เริ่มผ่อนคลายลง เมื่อได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนถ้ำเลสเตโกดอน ตำบลทุ่งหว้า ทำให้พบว่าชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้มีวิถีชีวิต ที่ไม่ต้องเร่งรีบร้อนรน ผู้คนระแวกนี้มีทรัพยากรธรรมชาติที่คอยโอบอุ้มหล่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่คู่วิถีของชุมชน ยามเช้าเดินเท้าเข้าสวนยางพารา ยามมีเวลาก็ออกเรือหากุ้ง หอย ปู ปลาเลี้ยงชีพ ส่วนชายผู้ว่างงานก็เป็นฝีพายนำนักท่องเที่ยวล่องเรือเข้าไปตามหาความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในถ้ำเลสเตโกดอน” จากข้อความดังกล่าวมีใจความสำคัญตรงกับข้อใด

• ถ้ำเลสเตโกดอนตั้งอยู่หมู่บ้านคีรีวง ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล

• จังหวัดสตูลกำลังจะได้รับการประกาศให้เป็น “อุทยานธรณีโลก”

• การเดินทางไปถ้ำเลสเตโกดอนทำให้เห็นวิถีชีวิตของคนในชุมชน

• วิถีชีวิตของคนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา

2. จากข้อความ ข้อ 1 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องที่สุด

• วิถีชีวิตของคนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา

• จังหวัดสตูลได้รับการประกาศให้เป็น “อุทยานธรณีโลก”

• ชายในหมู่บ้านมีอาชีพออกเรือหากุ้ง หอย ปู ปลา

• อาชีพหลักของผู้ชายในหมู่บ้านคือเป็นฝีพาย

3. สะพานแขวน เป็นทางเชื่อมเวลาให้ผู้มาเยือนก้าวลงสู่ปากทางเข้าถ้ำเลสเตโกดอน ฝีพายผู้ช่ำชองเส้นทางรอรับผู้มาเยือนด้วยเรือแคนู ซึ่งเป็นพาหนะที่จะพาเข้าไปชมทั้งความงามและความมหัศจรรย์ภายในถ้ำแห่งนี้คำที่ขีดเส้นใต้มีความหมายตรงกับข้อใด

• ชำนาญ

• เก่ง

• รู้

• มีความสามารถ

4. จากเรื่อง “ตามหาหัวใจที่ถ้ำเลสเตโกดอน” ข้อใดเป็นข้อเท็จจริง

• ชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้มีวิถีชีวิตที่ไม่ต้องเร่งรีบร้อนรน

• ระยะทางที่ยาวถึง 4 กิโลเมตร มิได้เป็นอุปสรรค์ให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไปสัมผัสความวิจิตรภายในถ้ำแต่อย่างใด

• ลักษณะทางธรณีวิทยาของถ้ำเลสเตโกดอน เป็นถ้ำหินปูนชั้นบางยุคออค์โดวิเชียน

• การล่องแคนูลำเล็กๆ ผ่านเส้นทางแคบ ๆ มืด ๆ ทำให้สัมผัสได้ถึงเสียงของลมหายใจที่แสดงถึงความตื่นเต้น

5. “ตามหาหัวใจที่ถ้ำเลสเตโกดอน” คำที่ขีดเส้นใต้หมายถึงข้อใด

• แสงที่ปลายถ้ำส่องสว่างเป็นรูปหัวใจ

• แสงที่ส่องลงมาภายในถ้ำมองดูเป็นรูปหัวใจ

• รูปร่างของหินภายในถ้ำที่มองดูเป็นรูปหัวใจ

• บริเวณปากถ้ำที่เชื่อมต่อกับป่าชายเลนมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ

6. “ถ้ำเลสเตโกดอน” มีลักษณะทางธรณีวิทยาเป็นแบบใด

• เป็นถ้ำหินปูนยุคออค์โดวิเชียน

• เป็นถ้ำหินปูนชั้นบางยุคออค์โดวิเชียน

• เป็นถ้ำหินปูนชั้นหนาในยุคออค์โดวิเชียน

• เป็นถ้ำหินปูนชั้นกลางในยุคออค์โดวิเชียน

7. ข้อใดกล่าวถึง “ถ้ำเลสเตโกดอน” ได้ถูกต้องที่สุด

• เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยที่ยาวที่สุดในประเทศ

• ถ้ำเลสเตโกดอนเป็นถ้ำหินปูนยุคออค์โดวิเชียน

• บริเวณปากถ้ำที่เชื่อมต่อป่าชายเลนมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ

• หินงอกหินย้อยบางก้อนมีสีออกเหลืองแดงเนื่องจากมีแร่แคลไซต์ผสมอยู่ในหิน

8. ข้อใดกล่าวถึงที่มาของชื่อ “ถ้ำเลสเตโกดอน” ได้ถูกต้องที่สุด

• มีการค้นพบฟอสซิลฟันกรามของช้างดึกดำบรรพ์สกุลสเตโกดอนซึ่งเป็นบรรพบุรุษของช้างเอเชียจึงนำมาเรียกชื่อถ้ำ

• มีการค้นพบฟอสซิลฟันกรามของช้างดึกดำบรรพ์สกุลเอลิฟาสซึ่งเป็นบรรพบุรุษของช้างเอเชียจึงนำมาเรียกชื่อถ้ำ

• มีการค้นพบฟอสซิลฟันกรามของช้างดึกดำบรรพ์สกุลสเตโกดอนจึงนำมาเรียกชื่อถ้ำ

• มีการค้นพบฟอสซิลของช้างดึกดำบรรพ์สกุลสเตโกดอนจึงนำมาเรียกชื่อถ้ำ

9. “การตามหาหัวใจที่ถ้ำเลสเตโกดอนได้สิ้นสุดลงเมื่อเราเดินทางมาพบกับแสงสว่างที่ปลายถ้ำ แต่การตามหาหัวใจของผู้ร่วมอุดมการณ์อนุรักษ์ให้มรดกทางธรณีอยู่คู่ผืนแผ่นดินสตูลยังคงต้องดำเนินต่อไป เพื่อเก็บรักษาคุณค่านี้ไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาเรียนรู้และชื่นชม” จากข้อความข้างต้นผู้เขียนมีวัตถุประสงค์อย่างไร

• แนะนำ

• เตือนสติ

• สั่งสอน

• ให้ข้อคิด

10. ข้อใดกล่าวถึงคุณค่าที่ได้รับจากเรื่อง “ตามหาหัวใจที่ถ้ำเลสเตโกดอน”

• ถ้ำเลสเตโกดอนเป็นถ้ำที่พบฟอสซิลที่สำคัญที่บ่งบอกความเป็นอุทยานทางธรณี

• เราควรรักษาวิถีชีวิตของคนในชุมชนให้อยู่คู่ถ้ำเลสเตโกดอนให้มากที่สุด

• เราควรร่วมกันดูแลรักษามรดกทางธรณีให้คงอยู่คู่จังหวัดสตูล

• ถ้ำเลสเตโกดอนเป็นแหล่งมรดกทางธรณีที่มีคุณค่า