ข้อดีการปรองดองในการแก้ปัญหาความขัดแย้งคือข้อใด

• ทำให้บรรเทาความขัดแย้งได้ในเวลาอันรวดเร็ว

• ทำให้เกิดความทะเลาะมากยิ่งขึ้น

• ทำให้รู้สึกคิดในแง่ลบ

• ไม่มีข้อใดถูกต้อง

ความขัดแย้งหมายถึงข้อใด

• การปรองดองกัน

• ความเห็นความเชื่อที่ไม่ตรงกัน

• ข้อคิดเห็นที่สอดคล้องกัน

• ความเชื่อที่ตรงกัน

สาเหตุความขัดแย้งมีทั้งหมดกี่ด้าน

• 3 ด้าน

• 4 ด้าน

• 5 ด้าน

• 6 ด้าน

ข้อใดเป็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี

• การพูดนินทา

• การบอกต่อปาก

• การพูดคำหยาบ

• การเจรจาต่อรอง

ข้อใดเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในองค์กรมากที่สุด

• ความขัดแย้งจากคนทั่วไป

• ความขัดแย้งจากผลประโยชน์

• ความขัดแย้งจากตัวเรา

• ถูกทุกข้อ

ข้อใดบอกประเภทของความขัดแย้งถูกต้อง

• ความขัดแย้งต่อตนเอง,ต่อในองค์การ,ต่อระหว่างองค์การ

• ความขัดแย้งต่อตนเอง,ต่อผู้อื่น,ต่อองค์สภา

• ความขัดแย้งต่อผู้อื่น,ต่อโลก,ต่อประเทศ

• ความขัดแย้งต่อโลก,ต่อประเทศ,ต่อจังหวัด

ข้อใดบ่งบอกถึงการแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ถูกต้อง

• การพูดคำหยาบ

• การพูดนินทาผู้อื่น

• การขอโทษ

• การขอความช่วยเหลือ

วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มุ่งให้เกิดผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

• การร่วมมือกัน

• การต่างคนต่างทำ

• การเอาแต่ใจตัวเอง

• การไม่ฟังความคิดเห็นผู้อื่น

หลักการในข้อใดช่วยลดความขัดแย้งทางการพูดระหว่างบุคคล

• การสื่อสารต่างถิ่น

• การสื่อสารทางลบ

• การสื่อสารทางบวก

• การสื่อสารทั้งทางบวกและลบ

แนวคิดการเปรียบเทียบความขัดแย้งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือข้อใด

• แนวคิดตัวเองกับแนวคิดอนาคต

• แนวคิดอนาคตกับแนวคิดปัจจุบัน

• แนวคิดเดิมกับแนวคิดอนาคต

• แนวคิดเดิมกับแนวคิดปัจจุบัน