สังคม ม. 6 A-LEVEL

สังคม ม. 6 A-LEVEL

12th Grade

100 Qs

quiz-placeholder

Similar activities

แบบทดสอบหน้าที่พลเมือง1

แบบทดสอบหน้าที่พลเมือง1

12th Grade

100 Qs

ข้อสอบ การแข่งขันตอบปัญหาทางกฎหมาย ปีการศึกษา 2567

ข้อสอบ การแข่งขันตอบปัญหาทางกฎหมาย ปีการศึกษา 2567

12th Grade

100 Qs

กฎหมายอาญา1

กฎหมายอาญา1

12th Grade

100 Qs

ความรู้ทั่วไป2

ความรู้ทั่วไป2

12th Grade

100 Qs

ประวัติศาสตร์สากล

ประวัติศาสตร์สากล

12th Grade

103 Qs

ศาสนาคริสต์2

ศาสนาคริสต์2

12th Grade

100 Qs

สังคม ม. 6 A-LEVEL

สังคม ม. 6 A-LEVEL

Assessment

Quiz

Social Studies

12th Grade

Hard

Created by

วัฒนสาร ปานเพชร

Used 183+ times

FREE Resource

100 questions

Show all answers

1.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

พระพุทธเจ้าทรงเน้นเรื่องกฏแห่งกรรม ทรงพิจารณาสั่งสอนว่า คนทุกคนต้องได้รับผลแห่งกรรมตน

ที่ตนทำไว้ จะปฏิเสธหรือหลีกหยีไม่รับผลแผห่งกรรมนั้นไม่ได้ จากข้อความข้างต้น แสดงให้เห็นว่าพระพุทธเจ้าทรงแสดงหลักการลักษณะประชาธิปไตยที่สอดคล้องกับเรื่องใด

ทรงยึดหลักการธรรมาธิปไตย

ทรงถือหลักสิทธิและเสรีภาพ

ทรงเน้นหลักการความเสมอภาค

ทรงรับฟังความคิดเห็น

ทรงบัญญัติการลงมติที่เป็นเอกฉันท์

2.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

ไตยสิขาถือเป็นหลักการการพัฒนาชีวิตเพื่อให้ประสบความสำเร็จเป็นคนสมบูรณ์

การกระทำในข้อใดแสดงให้เห็นหมวดธรรมที่เรียนว่า "ปัญญาสิขา"

ขาวเป็นผู้พูดจาไพเราะให้เกียรติผู้อื่น

ดำประกอบอาชีพสุจริตเพื่อนำเงินมาทำบุญ

แดงเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างเหมาะสมกับฐานะ

เขียวแสดงความเคารพต่อพระสงฆ์ที่บิณฑบาตอย่างสม่ำเสมอ

เหลืองตั้งใจศึกษาธรรมะเพื่อให้เป็นผู้ปราศจากความโลภ

Answer explanation

ไตรสิกขา แปลว่า สิกขา 3 หมายถึงข้อสำหรับศึกษา, การศึกษาข้อปฏิบัติที่พึงศึกษา, การฝึกฝนอบรมตนในเรื่องที่พึงศึกษา 3 อย่างคือ

อธิสีลสิกขา คือศึกษาเรื่องศีล อบรมปฏิบัติให้ถูกต้องดีงาม ให้ถูกต้องตามหลักจุลศีล มัชฌิมศีล และมหาศีล ตลอดถึงปฏิบัติอยู่ในหลัก มัชฌิมศีล และมหาศีล ตลอดถึงปฏิบัติอยู่ในหลักอินทรียสังวร สติสัมปชัญญะ และสันโดษ

อธิจิตตสิกขา คือศึกษาเรื่องจิต อบรมจิตให้สงบมั่นคงเป็นสมาธิ ได้แก่การบำเพ็ญสมถกรรมฐานของผู้สมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์จนได้บรรลุฌาน 4

อธิปัญญาสิกขา คือศึกษาเรื่องปัญญาอบรมตนให้เกิดปัญญาแจ่มแจ้ง ได้แก่การบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานได้ฌานแล้วจนได้บรรลุวิชชา 8 คือเป็นพระอรหันต์หรืออืกชื่อคืออรหันต์พุทธ

3.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

"นางสาวส้มกระทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมต่อนางสาวเขียว จึงถูกนางสาวเขียงแนะนำตักเตือนโดยไม่เอาความผิดหรือคิดโกรธ นางสาวส้มก็แสดงออกถึงความเต็มใจที่จะยอมรับคำแนะนำตักเตือนของเพื่อนที่ปรารถนาดีต่อตนเองได้กระทำผิด" การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นหลักกการสำคัญของธรรมที่สอดคล้องกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

วันเข้าพรรษา

วันออกพรรษา

วันอาสาฬบูชา

วันมาฆบูชา

วันวิสาขบูชา

Answer explanation

วันออกพรรษา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันมหาปวารณา เป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธแบบไทย-ลาว โดยเป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาจำพรรษา 3 เดือนของพระสงฆ์เถรวาท โดยเป็นวันที่พระสงฆ์จะทำสังฆกรรม คือ การปวารณาในวันนี้ วันออกพรรษา (ออกปุริมพรรษา1) จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (ประมาณเดือนตุลาคม) หลังวันเข้าพรรษา 3 เดือน ตามปฏิทินจันทรคติไทย

การปวารณา[1] ถือเป็นข้อปฏิบัติตามพระวินัยสำหรับพระภิกษุโดยเฉพาะ เรียกว่า เป็นญัตติกรรมวาจา (สังฆกรรม) ประเภทหนึ่ง ให้โอกาสแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ร่วมกันตลอดไตรมาส (3 เดือน) สามารถว่ากล่าวตักเตือนและชี้ข้อบกพร่องแก่กันและกันได้โดยเสมอภาค เป็นวันที่พระพรรษาน้อยกว่าสามารถตักเตือนพระที่มีพรรษามากกว่าได้ ด้วยจิตที่ปรารถนาดีซึ่งกันและกัน เพื่อให้พระสงฆ์ที่ถูกตักเตือนมีโอกาสรับรู้ข้อบกพร่องของตนและนำข้อบกพร่องมาแก้ไขปรุงตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันถ้าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ก็จะได้ชี้แจงแก้ไข หรือปรับความเข้าใจกัน เพราะสิ่งที่เห็น ที่ได้ยิน ที่สงสัย อาจมีเรื่องราวซ่อนอยู่ หรืออาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจ รวมถึงเปิดโอกาสให้ขอโทษ ที่รู้ตัวว่าสร้างเดือดร้อนให้แก่หมู่คณะ และขออภัยที่เข้าใจผิด และเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยซึ่งกันและกันได้ เพื่อปรับความเข้าใจกัน

4.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

"การคิดโดยไม่รู้นั้นสูญเปล่า การรู้โดยไม่คิดก็หลายเป็นคนเอาตัวไม่รอด คนเราจึงต้องเรียนรู้ ฝึกทักษะการคิด เมื่อคิดได้ ก็พูดดี และทำดี เมื่อคิดเป็นแล้ว ปฏิบัติดีไม่เป็น การคิดนั้นก็ไม่เกิดผลเพราะขาดคุณธรรมในจิตใจ " จากคำดังกล่าวข้องต้นสอดคล้องตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาในข้อใด

หลักโยนิโสมนสิการ

หลักอปริหานิยธรรม 7

หลักสารียธรรม 6

หลักปฏิจจสมุปบาท

หลักการจิตตนิยม

Answer explanation

โยนิโสมนสิการ (บาลี: โยนิโสมนสิการ yonisomanasikāra, คำอ่าน: โยนิโสมะนะสิกาน) หมายถึง การทำในใจให้ดีละเอียดถี่ถ้วน กล่าวคือ การพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ทางพุทธศาสนาถือว่ามีคุณค่าเท่ากับความไม่ประมาทหรือ "อัปมาท" ซึ่งเป็นแหล่งรวมแห่งธรรมฝ่ายดีหรือ "กุศลธรรม" ทั้งปวง ดังปรากฏในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๙ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ข้อ ๔๖๔ หน้า ๑๒๙ นอกจากนั้น ยังจัดเป็นธรรมะข้อหนึ่งในกลุ่มธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญด้วยปัญญา และเป็นธรรมะมีอุปการะมากแก่มนุษย์ดังพรรณาในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๒ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ข้อ ๒๖๘-๙ หน้า ๓๓๒[1]

การใช้ความคิดถูกวิธี คือ การกระทำในใจโดยแยบคาย มองสิ่งทั้งหลายด้วยความคิดพิจารณาสืบค้นถึงต้นเค้า สาวหาเหตุผลจนตลอดสายแยกแยะออกพิเคราะห์ดูด้วยปัญญาที่คิดเป็นระเบียบและโดย อุบายวิธีให้เห็นสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆ ตามสภาวะและตามความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย [2]เช่น

คิดจากเหตุไปหาผล

คิดจากผลไปหาเหตุ

คิดแบบ แยกแยะองค์ประกอบ

คิดแบบ มองเป็นองค์รวม

คิดแบบเห็น ความสัมพันธ์ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่

คิดเห็น องค์ประกอบที่มาทำให้เจริญ

คิดเห็น องค์ประกอบที่มาทำให้เสื่อม

คิดเน้น เฉพาะจุดที่ทำให้เกิด

คิดเน้น สิ่งที่มาตัดขาดให้ดับ

คิดเทียบเคียง อะไรเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้

5.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

นาย ก เป็นพุทธศาสนานิกชนเข้าวัด นั่งสมาธิ ทำบุญ โดยมีเป้าหมายเพื่อนึกถึงพระพุทธคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เสมอ ถือเป็นผู้ปฏิบัติตนสอดคล้องกับหลักศาสนาพิธีใด ในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

ศีลแก้บาป

ศีลมหาสนิท

ศีลบวช

ศีลกำลัง

ศีลจุ่ม

Answer explanation

พิธีกรรมในศาสนาคริสต์ เรียกว่า ศีลศักดิ์สิทธิ์ นิกายโรมันคาทอลิก มี 7 อย่าง ได้แก่

      1. ศีลล้างบาป พิธีกรรมแรกของศาสนาคริสต์นิกายโปเตสแตนต์ เรียกว่า ศีลบัพติสมา (ศีลจุ่ม)

      2. ศีลกำลัง พระสังฆราชเอาน้ำมันมาเจิมที่หน้าผากของเด็กโตเป็นรูปไม้กางเขน เพื่อเป็นเครื่องหมายว่า เพิ่มศรัทธาในความเป็นชาวคริสต์

      3. ศีลมหาสนิท (พิธีมิสซา) ทำเพื่อระลึกถึงชีวิตและคำสอนของพระเยซู

     4. ศีลอภัยบาป ชาวคริสต์ที่สำนึกตนว่าการกระทำบาปจะไปหาบาทหลวง เพื่อสารภาพบาปและขอ    อภัยโทษจากพระเจ้า บาปจะหมดไป เมื่อได้ทำความดีชดเชย

5. ศีลเจิมคนป่วย บาทหลวงจะทำพิธีสำหรับผู้ป่วยหนัก หรือป่วยเรื้อรัง เพื่อให้กำลังใจแก่คนไข้

6. ศีลบวช (ศีลอนุกรม) พิธีแต่งตั้งบุคคลที่เป็นบาทหลวง

7. ศีลสมรส บาทหลวงทำพิธีให้แก่คู่สมรส

6.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

"จรถ ภิกขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมุปาย"

เด็กชาย ก บริจาคเงินที่ทำงานได้ให้องค์กรการกุศล

เด็กหญิง ข เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้สูงอายุในชุมชน

เด็กชายค ตื่นมาทำอาหารให้คุณตาใส่บาตรทุกเช้า

เด็กหญิง ง นั่งสมาธิทุกวันพระ

เด้กหญิง จ อ่านหนังสือธรรมะทุกวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

Answer explanation

“จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย” “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงจาริกไป เพื่อประโยชน์สุขแก่ชนจำนวนมาก เพื่อเกื้อการุณย์แก่ชาวโลกนั้นเถิด” พระพุทธศาสนาได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติต่างๆ ของโลกนี้จำนวนไม่น้อย พระพุทธเจ้าทรงส่งสาวกออกไปประกาศพระศาสนาของพระองค์ การเผยแพร่ธรรมยาวนานถึง 45 พรรษา ผู้คนหันมาเลื่อมใสศรัทธาออกบวชมีตั้งแต่ พระราชา, เจ้าชาย, พราหมณ์ และนักบวชลัทธิอื่น, พ่อค้าวาณิช จนถึงโจรร้าย เช่น องคุลีมาล พระเจ้าอชาตศัตรู พระราชาแห่งแคว้นมคธยุคปลายและหลังพุทธกาล หลังจากกระทำปิตุฆาตแก่พระเจ้าพิมพิสาร พระบิดาของพระองค์ ทรงสำนึกถึง “กรรม” อันยิ่งใหญ่ ได้ทรงบำเพ็ญกุศลต่างๆ เพื่อลบล้างกรรม และทรงปฏิญาณตนเป็นอุบาสกบริษัท ตั้งมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์ แต่ด้วยกรรมอันใหญ่หลวงที่เกิดจากการกระทำปิตุฆาต พระเจ้าอชาตศัตรูไม่อาจบรรลุธรรมขั้นสูง สิ่งที่พระองค์ทำได้ คือ การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาจนตลอดพระชนม์ชีพ 45 ปี พระพุทธเจ้าได้เสด็จจาริกบริเวณพื้นที่ราบลุ่มของแม่น้ำคงคา ทรงประกาศคำสอนของพระองค์ สอนด้วยความเรียบง่ายว่า ชีวิตมนุษย์เป็นทุกข์เนื่องจากกิเลสตัณหา ชีวิตมนุษย์มี “กรรม” เป็นสิ่งครอบงำกำหนด พระพุทธศาสนา จึงสอนให้มนุษย์ประพฤติปฏิบัติหลัก 3 ประการแห่ง มัชฌิมาปฏิปทา คือ ไม่ทำความชั่ว/ทำแต่ความดี และทำใจของตนให้สะอาดบริสุทธิ์ หลังพุทธปรินิพพาน 100 ปี แคว้นมคธครองความเป็นใหญ่ในชมพูทวีป แนวคิดใหม่ๆ เกิดขึ้นในหมู่ภิกษุ จนในที่สุดอีก 100 ปีต่อมา พระพุทธศาสนาก็แตกออกเป็น 2 นิกายใหญ่ คือ เถรวาท และ มหายาน ตามมาด้วยยุคแห่งความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก ในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช แห่งกรุงอุชเชนี ในแคว้นอวันตี พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงนับถือพระพุทธศาสนา ทรงสร้างอนุสรณ์สถานพร้อมเสาศิลาจารึกไว้ ณ ที่ต่างๆ เพื่อประกาศหลักธรรมคำสอนไปสู่ประชาชน และยังทรงสร้างวิหาร หรือวัดวาอารามทั่วดินแดนของพระองค์กว่า 84,000 แห่ง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาและสถานพยาบาล สิ่งอำนวยความสะดวกแก่ชีวิตประชาชนเพื่อความอยู่ดีมีสันติสุข พระเจ้าอโศกมหาราช แม้จะทรงให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนาด้วยการทำนุบำรุงพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่ แต่พระองค์ก็ทรงได้รับการยกย่องว่ามิได้ทรงต่อต้านศาสนาอื่น ด้วยพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์นี้ พระพุทธศาสนาเดินทางมาถึงประเทศไทย หลังการสังคายนาครั้งที่ 3 พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงจัดส่งพระศาสนทูตออกไปประกาศพระศาสนาในต่างแดน นับแต่กาลครั้งนั้นเอง ศาสนาพุทธจากชมพูทวีปก็เริ่มเผยแผ่ออกสู่โลกกว้าง เส้นทางซึ่งพระพุทธศาสนาเดินทางมาถึงประเทศไทย มาทางน้ำ และขึ้นบกที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นพระพุทธศาสนาที่เติบโตมาจากดินแดนลังกา ประเทศไทยในปัจจุบัน แต่เดิมเคยเป็นที่ตั้งบ้านเมืองและรัฐของผู้คน ในชาติพันธุ์ต่างกัน เราเคยมี ทวารวดี และมี ละโว้ เป็นรัฐโบราณ ซึ่งมีการสร้างสรรอารยธรรมภายใน มีทั้งการรับและแลกเปลี่ยนอารยธรรมจากโลกภายนอก รวมทั้งการรับเอาทั้งพระพุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู และการค้าขายกับพ่อค้าต่างแดน “ทวารวดี” เป็นคำในภาษาสันสกฤต หมายถึงนครแห่งพระกฤษณะ ศาสนาของชาวทวารวดีแห่งยุคนั้น ผสมผสานระหว่าง พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท และศาสนาพราหมณ์ หรือ ฮินดู ศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดูนั้น จะแพร่หลายอยู่ในกลุ่มชนชั้นปกครอง ในระยะต่อมาเมื่ออาณาจักรขอมเรืองอำนาจ รัฐทวารวดีก็ตกอยู่ในการครอบงำของขอม เรียบร้อยทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม และอารยธรรม แคว้นสุโขทัยและล้านนา ก่อตัวขึ้นจากความผันผวนทางการเมืองและสังคม บนภาคพื้นทวีปของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ครั้งนั้น อาณาจักรน้อยใหญ่ทั้งหลายบรรลุความเสื่อม ทั้งอาณาจักรกัมพูชาโบราณของชาวเขมรในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง อาณาจักรพุกามของชาวพม่าในตอนกลางลุ่มแม่น้ำอิระวดี อาณาจักรของชาวมอญทางตอนใต้ของพม่าปัจจุบัน และอาณาจักรหริภุญไชยของชาวมอญในลุ่มแม่น้ำปิง เปิดช่องให้คนไทยกลุ่มต่างๆ ดังกล่าว เคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ตามพื้นที่ส่วนต่างๆ ของประเทศไทยในปัจจุบัน รวมตัวกันตั้งเป็นประชาคมรัฐในบริเวณภาคเหนือตอนบน เป็นแคว้นล้านนา และภาคเหนือตอนล่าง เป็นแคว้นสุโขทัย ครั้งนั้นบังเกิดปรากฏการณ์ทางสังคมของทุกรัฐโบราณ คือ การที่พระมหากษัตริย์และไพร่ฟ้ามีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเถรวาท ยกให้เป็นความเชื่อหลักของบ้านของเมือง ดังเห็นได้จากรัชสมัยพระมหากษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง แคว้นสุโขทัย และพระมหากษัตริย์ราชวงศ์มังราย แคว้นล้านนา พระพุทธศาสนาเถรวาทได้จำเริญอยู่เคียงข้างแคว้นสุโขทัย และแคว้นล้านนามาโดยตลอด โดยพระมหากษัตริย์ไทยทั้งสองแคว้น ทรงมีบทบาทสำคัญ ต่อการนำเอาพระพุทธศาสนาเถรวาทแบบลังกาวงศ์ เข้ามาสู่แคว้นทั้งสอง และแล้วแคว้นสุโขทัยก็ปรากฏพระนาม พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาเป็นหลักในการปกครอง และสร้างสันติสุขให้กับสังคมไทย ดังความปรากฏในหลักศิลาจารึกที่ 1 พศ. 1835 ว่า “พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ชาวเจ้า ท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าขุนทั้งสิ้น ทั้งหลาย ทั้งผู้ชายผู้หญิง ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสน ทรงศีลเมื่อพรรษากาลทุกคน” พระราชจริยาวัตรอย่างหนึ่งของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช คือ ทรงให้ความสำคัญกับการฟังธรรมในวันธรรมสวนะ ทรงโปรดให้ใช้ดงตาลในเมืองสุโขทัยเป็นสถานที่ฟังธรรมในวันพระ และที่ดงตาลแห่งนี้ ยังทรงสร้างพระแท่นมนังศิลาบาตรไว้สำหรับพระองค์ เสด็จประทับฟังข้อราชการบ้านเมืองกับบรรเดาเจ้านายและขุนนาง ดังนี้ การฟังธรรมในวันธรรมสวนะจากพระสงฆ์ผู้ใหญ่ จึงมีทั้งพระมหากษัตริย์ เจ้านาย ขุนนาง และทวยราษฎร ต่างมีโอกาสมาชุมนุมพร้อมกันเพื่อรักษาศีล และฟังธรรม นอกจากนี้ บรรดาพิธีกรรมทางศาสนาได้เกิดขึ้นในยุคสังคมสุโขทัย เช่น พิธีวิสาขบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 พิธีกฐินหลังการออกพรรษา และพิธีจองเปรียง เป็นต้น อนึ่ง การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สำหรับเป็นพระประธานในอุโบสถวิหารต่างๆ ก็เกิดในยุคนี้เช่นกัน เป็นต้นว่า การสร้างพระพุทธรูปหล่อสำริดองค์ขนาดใหญ่ ประดิษฐานในวิหารหลวง วัดมหาธาตุกลางเมืองสุโขทัย อันได้พระนามต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ว่า “พระศรีศากยมุนี” นี้คือรากฐานและต้นแบบแห่งกระบวนการอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนา ของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งยังความร่มเย็นเป็นสุขมาโดยตลอดแก่แผ่นดินและประชาชน สืบเท่าทุกวันนี้...!

7.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

นำข้อความต่อไปนี้ตอบคำถามในข้อ 7-8

จากบทเพลงก้อนหินก้อนนั้น ของ โรส ศิรินทิพย์ ที่ว่า "ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอ เป็นของใคร ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับมันเอง"

บทเพลงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า บุคคลที่เกิดทุกข์ได้นั้นเพราะยึดมั่นในเหตุผลแห่งทุกข์ข้อใด

กรรม 12 และ

อุปาทาน 4

มิจฉาวนิชชา 5 และนิวรณ์ 5

นิยาม 5 และ

สังคหวัตถุ 4

อุปทาน 4 และ

มิจฉาวณิชชา 5

นิวรณ์ 5 และ

อธิปไตย 3

Answer explanation

กรรม 12 ประการ

กรรมนิยาม คือ กฎการให้ผลของกรรม หรือกฎธรรมชาติเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ คือกระบวนการที่ก่อให้เกิดการกระทำและการให้ผลของการกระทำ มี 2 ประการคือ การกระทำดี ย่อมได้รับผลดี กระทำชั่วย่อมได้รับผลชั่ว

กรรม ๑๒ กรรม หมายถึง การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว จะก่อให้เกิดกรรมดีเมื่อมีเจตนาจะทำความดี และจะก่อให้เกิดกรรมชั่วเมื่อมีเจตนาจะทำความชั่ว ในที่นี้ หมายถึง กรรมประเภทต่าง ๆ พร้อมทั้งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการให้ผลของกรรมเหล่านั้นกรรม ๑๒ แบ่งออกเป็น ๓ หมวดใหญ่ ๆ แต่ละหมวดแบ่งย่อยออกเป็น ๔ ดังนี้คือ

หมวดที่ ๑. กรรมที่ให้ผลตามหน้าที่ มี ๔ อย่าง

๑.๑ ชนกกรรม กรรมพาให้เกิด

๑.๒ อุปัตถัมภกกรรม กรรมสนับสนุนหรืออุปถัมภ์

๑.๓ อุปปีฬกกรรม กรรมบีบคั้นหรือเบียดเบียน

๑.๔ อุปฆาตกรรม กรรมตัดรอน

หมวดที่ ๒. กรรมที่ให้ผลตามแรงหนักเบา มี ๔ อย่าง

๒.๑ ครุกรรม กรรมหนัก

๒.๒ พหุกรรม หรือ อาจิณกรรม กรรมที่ทำจนเคยชิน

๒.๓ อาสันกรรม หรือ ยาสันนกรรม กรรมเมื่อจวนเจียนจะตาย ระลึกเมื่อก่อนตาย

๒.๔ กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม กรรมสักแต่ว่าทำ

หมวดที่ ๓. กรรมที่ให้ผลตามกาล มี ๔ อย่าง

๓.๑ ทิฏฐฏธรรมเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาตินี้

๓.๒ อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า

๓.๓ อปราปรเวทนียกรรม หรือ อปรปริยายเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป

๓.๔ อโหสิกรรม กรรมที่ให้ผลเสร็จแล้ว (เลิกให้ผล)

Create a free account and access millions of resources

Create resources
Host any resource
Get auto-graded reports
or continue with
Microsoft
Apple
Others
By signing up, you agree to our Terms of Service & Privacy Policy
Already have an account?

Discover more resources for Social Studies