ข้อใดใช้ภาพพจน์แบบอุปลักษณ์

• เธอคือโคมทองของชีวิตพี่

• เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย

• ฝากเพลงนี้มากับสายลมผ่าน

• หากมีเวลามาเยี่ยมบ้านนาบ้างเน้อพี่เน้อ

ข้อใดใช้ภาพพจน์แบบอุปมา

• “ธรรมชาติต่างสลดหมดความคะนองทุกสิ่งทุกอย่าง”

• “บุหลันลอยเลื่อนฟ้าไม่ราคี รัศมีส่องสว่างดั่งกลางวัน”

• “เธอคือสายน้ำฉ่ำชื่นใจ จากวันนี้ไปฉันไม่ทุกข์ตรม”

• “น้ำพุพุ่งซ่าไหลมาฉาดฉาน เห็นตระการมันไหลจอกโครมจอกโครม”

คำประพันธ์ในข้อใดใช้ภาพพจน์อุปลักษณ์

• รู้รสแห่งทุกข์และสุขสิ้น บนแผ่นดินแผ่นเดียวเปลี่ยวและเหงา

• เมื่อจ่อชุดจุดเชื้อเมื่อแฉะชื้น จะฝืดฟืนติดไฟไฉนหนอ

• มันก็เป็นช้างงาอันกล้าหาญ เราก็เป็นคชสารอันสูงใหญ่

• เห็นนางนวลศรีมีโฉม ดังโสมส่องหล้าราศี

ข้อใดมีโวหารภาพพจน์เหมือนข้อความที่ว่า “เธอเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของฉัน”

• เรือชัยไวว่องวิ่งรวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม

• รอบข้างไม่มีที่นาที่ไหนว่าง แต่ชาวนายังอดตาย

• พ่อคือฉัตรแก้วกางกั้น

• เมื่อลมพัดใบไม้สะบัดโบกมือเรียกเธอ

ข้อใดใช้โวหารภาพพจน์ด้วยวิธีการอุปลักษณ์

• ลมระเริงลู่หวิวพลิ้วระลอก สัพยอกยอดไม้ไปลิ่วล่อง

• เพลินฟังวังเวงเพลงเรไร พิณพาทย์ไพรกล่อมขับสำหรับดง

• โอ้โอ๋อกพระชนกชนนีนี้จะแตกครากสักเจ็ดภาคภินทนาการ

• มีทั้งว่านยาสารพันอุดมดับโรคาพยาธิดุจทิพยโอสถปรากฏคุณประสิทธิ์ประสาทสุพรรณนา

เพชรน้ำค้างค้างหล่นบนพรมหญ้า เย็นหยาดฟ้ามาฝันหลงวันใหม่

เคล้าเคลียหยอกดอกหญ้าอย่างอาลัย เมื่อแฉกดาวใบไผ่ไหวตะวัน”

คำประพันธ์ข้างต้นใช้โวหารภาพพจน์ใด

• อุปมา

• อุปโหลก

• อุปลักษณ์

• อัปลักษณ์

ข้อใดใช้ภาพพจน์ชนิดอุปลักษณ์

• เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด ต้องนั่งปัดแปะไปมิได้นอน

• ครั้นยามเย็นเห็นเหมือนหนึ่งเมฆพลุ่ง เป็นควันฟุ้งราวกับไฟไกลหนักหนา

• ดูเหย้าเรือนหาเหมือนอย่างไทยไม่ หลังคาใหญ่พื้นเล็กเป็นโรงผี

• เราเป็นมนุษย์สุดรักต้องลักพา เหมือนอินทราตรึงส์ตรัยเป็นไรมี

ข้อใดมีอุปมาโวหาร

• ถึงบางหลวงทรวงร้อนดังศรปัก

• พี่ร้างรักมาด้วยราชการหลวง

• เมื่อคิดไปใจหายเสียดายดวง

• จนเรือล่วงมาถึงย่านบ้านกระแซง

ข้อใดใช้โวหารอุปลักษณ์

• น้ำเงิน คือ เงินยวง

• ขาวพรายช่วงสีสำอาง

• ไป่เทียบเปรียบโฉมนาง

• งามเรืองเรื่อเนื้อสองสี

“พระตรีโลกนาถแผ้ว เผด็จมาร

เฉกพระราชสมภาร พี่น้อง”

ข้อความนี้เป็นโวหารชนิดใด

• อุปลักษณ์

• สัทพจน์

• อติพจน์

• อุปมา