บทเสภาสามัคคีเสวก

บทเสภาสามัคคีเสวกแต่งด้วยคำประพันธ์ชนิดดใด

• ก. โคลงสี่สุภาพ

• ข. กลอนเสภา

• ค.กลอนสุภาพ

• ง.กาพย์ยานี ๑๑

ผู้แต่งบทเสภาสามัคคีเสวก คือใคร

• ก. รัชกาลที่ ๒

• ข รัชกาลที่ ๓

• ค. รัชกาลที่ ๕

• ง.รัชกาลที่ ๖

ข้อใดคือสาเหตุที่ทรงพระราชนิพนธ์บทเสภาสามัคคีเสวกขึ้น

• ก. เพื่อให้รักศิลปะ

• ข. เพื่อให้มีความสามัคคี

• ค. เพื่อให้มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์

• ง. เพื่อให้เป็นบทขับอธิบายนำเรื่องของระบำชุดสามัคคีเสวก

" ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก" ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้น

• ก. เพราะเป็นของมีค่าราคาแพง

• ข. เพราะหาดูได้ง่ายไม่ฝืดเคือง

• ค. เพราะจำเริญตาพาใจให้สบาย

• ง. เพราะเป็นของหายากลำบากเหลือ

" ใครดูถูกผู้ชำนาญในการช่าง" ผู้แต่งเปรียบเหมือนกับใคร

• ก. เหมือนคนบ้าคนบอไม่รู้เรื่อง

• ข. เหมือนคนโง่เขลาเบาปัญญา

• ค. เหมือนคนป่าคนไพรไม่รุ่งเรือง

• ง. เหมือนคนจนคนยากที่ฝืดเคือง

เพราะเหตุใดจึงกล่าวว่า " แต่กรุงไทยศรีวิไลทันเพื่อนบ้าน"

• ก. เพราะมีการคมนาคมที่สะดวก

• ข. เพราะมีตึกรามบ้านช่องใหญ่โต

• ค. เพราะมีศูนย์การค้า สนามบิน และท่าเรือที่ยิ่งใหญ่

• ง. เพราะมีงานศิลปกรรมมากมายและช่างศิลปกรรมหลายสาขา

"อีกช่างสถาปนาถูกทำนอง" คำว่า " ช่างสถาปนา" มีความหมายตรงกับข้อใด

• ก. ช่างปั้น

• ข.ช่างเขียน

• ค. ช่างวาด

• ง. ช่างก่อสร้าง

อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า

ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย

คำประพันธ์ข้างต้นใช้โวหารภาพพจน์แบบใด

• ก. อุปมา

• ข. อติพจน์

• ค. สัญลักษณ์

• ง. สัญลักษณ์

บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนสามัคคีเสวก

มีการเปรียบเทียบกัปตันเรือเป็นพระมหาษัตริย์

แล้วเปรียบกะลาสีเรือเป็นอะไร

• ก. เปรียบเป็นเหล่าข้าราชบริพาร

• ข. เปรียบเป็นประชาชนภายในประเทศ

• ค. ปรียบเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ ผู้นำประเทศ

• ง. เปรียบเป็นเหล่าประเทศที่เป็นมิตรไมตรีด้วย

ประการหนึ่งพึงคิดในจิตมั่น

ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว

ควรเคารพยำเยงและเกรงกลัว

ประโยชน์ตัวนึกน้อยหน่อยจะดี

คำว่า ทรงธรรม์ ในบทกลอนหมายถึงใคร

• ก. ข้าราชการ

• ข. บิดาผู้ให้กำเนิด

• ค. พระเจ้าแผ่นดิน

• ง. นายกรัฐมนตรี