3D printing in pharmaceuticals

3D printing technology คือ

• กระบวนการเพิ่มหรือลดวัสดุจากบล็อกเพื่อสร้างรูปร่าง

• กระบวนการผลิตที่สร้างวัตถุโดยการเพิ่มวัสดุทีละหนึ่งชั้น

• วิธีการพิมพ์ภาพสามมิติลงบนกระดาษ

• เทคนิคในการสร้างภาพโฮโลกราฟิก

วัสดุที่สามารถใช้ในการพิมพ์สามมิติ ได้แก่ ​

• เซรามิก

• พอลิเมอร์

• คอมโพสิต

• ถูกทุกข้อ

Match the following

• Fused Deposition Modeling (FDM)

• ใช้เตียงผงและหัวจ่ายสารละลายเพื่อยึดวัสถุทีละชั้น ให้ขึ้นรูปตามชิ้นงานที่ต้องการ

• Binder Jetting (BJ)

• ใช้วัสดุกึ่งแข็ง บรรจุลงในหลอดฉีด แล้วฉีดขึ้นรูปชิ้นงานตามต้องการ

• Selective Laser Sintering (SLS)

• ใช้หัวฉีดที่ให้ความร้อนสำหรับการส่งออกวัสดุที่ละลายทีละชั้น เพื่อขึ้นรูปชิ้นงานตามต้องการ

• Semi-solid extrusion (SSE)

• ใช้เลเซอร์เพื่อเผาผงผสมของวัสดุให้ขึ้นรูปตามต้องการ

ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของ 3D printing ในทางเภสัชกรรม

• ออกแบบและควบคุมการปลดปล่อยยา

• ผลิตยาแบบรวมชนิดได้

• ผลิตยาที่ปรับแต่งเฉพาะสำหรับบุคคล

• ผลิตยาหลอกสำหรับงานวิจัยและพัฒนา

ยา Spirtam ที่ผลิตโดยเทคโนโลยีพิมพ์สามมิติด้วยเทคนิค ​ (a)  

แต่หากยานั้นมีความไวต่อการสลายตัวที่อุณหภมูิสูงควรเลือกใช้เทคนิค ​ ​ (b)  

• Binder Jetting (BJ)
• Semi-solid extrusion (SSE)
• Fused Deposition Modeling (FDM)

ข้อจำกัดของการกระบวนการผลิดยาโดยเทคโนโลยี 3D printing ได้แก่

• เครื่องพิมพ์สามมิติต่างรุ่น หรือต่างชนิด ให้ความแม่นยำในการผลิตไม่เท่ากัน

• ชนิดของพอลิเมอร์ที่ได้รับการรับรองให้ใช้ในทางเภสัชกรรมยังมีไม่มาก

• ต้องการเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพที่มีความไวสูงและสะดวก

• ถูกทุกข้อ