๑. ประโยคมีความหมายตรงตามข้อใดมากที่สุด

• คำหรือกลุ่มคำ
• การนำกลุ่มคำมาเรียบเรียงกัน
• มีภาคประธานและภาคแสดง
• คำหรือกลุ่มคำที่นำมาเรียงกันแล้วมีความหมายสมบูรณ์ ประกอบด้วยภาคประธานและภาคแสดง

๒. ข้อใดเป็นประโยคสมบูรณ์

• ภาษาไทยพัฒนามาตลอดเวลา
• ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา
• เด็กหญิงตัวเล็กผิวขาวคนนั้น
• ทะเลสาบข้างหมู่บ้านเจ้าพระยา

3. ข้อใดเป็นประโยคคำถาม

• อะไรฉันก็กินได้ทั้งนั้น
• เมื่อไรเขาจะมาก็ไมรู้
• เธอนั่นเอง ฉันนึกว่าใครเสียอีก
• ทำไมเธอไม่อ่านคำสั่งให้ดีเสียก่อน

๔. ข้อใดเป็นประโยคกรรม

• ประโยชน์ที่เกิดจากโครงการนี้มีผลดีต่อสังคมในระยะยาว
• เพราะแม่สูบบุหรี่จัดลูกที่คลอดออกมาจึงมีขนาดเล็กกว่าปกติ
• คนที่เป็นเบาหวานมีโอกาสติดเชื้อทางกรวยไตมากกว่าคนทั่วไป
• อาคารผู้ป่วยนอกหลังนี้สร้างเสร็จภายในห้าเดือนด้วยเงินบริจาคของประชาชน

๕. “ขัด” ในข้อใดมีความหมายต่างจากข้ออื่น

• เมื่อใส่เสื้อควรขัดกระดุมให้เรียบร้อย
• คุณตาขัดมีดไว้ข้างฝาเมื่อเลิกใช้แล้ว
• เรือนไทยสมัยโบราณเขาจะใช้ไม้ขัดประตู
• แม่ครัวขัดกระทะแล้วนำไปผึ่งแดด

๖. ข้อใดใช้คำผิดความหมาย

• ตำรวจสืบดูจนรู้เบาะแสคนร้าย
• บ้านเรือนวอดวายไปในกองเพลิง
• เรื่องนี้เป็นฉนวนให้เกิดความแตกแยก
• พ่อแม่อยากให้ลูกๆ รักใคร่กลมเกลียวกัน

๗. ข้อใดเป็นประโยค คำสั่ง

• ลองออกกำลังกายดูบ้างนะ
• เราควรผักผ่อนให้เพียงพอ
• ลองนั่งสมาธิดู ใจจะสงบขึ้น
• ต้องแปรงฟันก่อนนอนด้วยนะ

๘. ข้อใดไม่ใช่สำนวนต่างประเทศ

• มันเป็นการยากที่จะยอมรับพรรคการเมืองนี้
• ทมยันตีประพันธ์นวนิยายเรื่องคู่กรรม
• สินค้ารุ่นนี้เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น
• ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ มานานมากทีเดียว

๙. ข้อใดใช้สำนวนต่างประเทศ

• ประชาชนส่วนใหญ่ มีอาชีพเกี่ยวกับเกษตรกรรม
• เกษตรกรควรได้รับความรู้เรื่องการปรับปรุงดิน
• การพัฒนาโครงสร้างหลักสูตรต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง
• หน่วยงานของเราอยู่ภายใต้การบริหารงานของจังหวัด

๑๐. ประโยคใดไม่กำกวม

• สมศักดิ์ไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนสองคน
• รถด่วนสายใต้ตกรางที่ชุมทางสุราษฎร์ธานี
• คณะกรรมการต้องการรถยนต์อีกคันหนึ่ง
• ปรานีไปเยี่ยมคุณป้าที่เธอรักเป็นบางครั้ง