ข้อใดคือความหมายประโยคสามัญ

• ประโยคที่เป็นข้อความสั้น ๆ

• ประโยคที่เ็นข้อความเดียว

• ประโยคที่มีประธานคนเดียว

• ประโยคที่มีใจความสมบูณบรณ์เพียงใจความเดียว

2. ข้อความใดคือความหมายของประโยคซ้อน

• ก. ประโยคที่มีความบริบูรณ์หลายความ

• ข. ประโยคที่มีความเชื่อมระหว่างประโยคต่อ

• ค. ประโยคที่ประกอบด้วยประโยคหลักและประโยคย่อย

• ง. ประโยคที่ประกอบด้วย ประธาน ภาคแสดง และส่วนขยาย

ข้อใดคือความหมายของประโยครวม

• ประโยคที่มีใจความสมบูรณ์เพียงความเดียว

• ประโยคที่มีส่วนขยายทั้งประธาน กริยา และกรรม

• ประโยคที่ประกอบด้วยประโยคหลักและประโยคย่อย

• ประโยคที่มีความสมบูรณ์มากกว่าหนึ่งใจความมีสันธานเชื่อม

ข้อใดเป็นประโยคสามัญ

• เพล งรำวงนิยมร้องซ้ ไปมา

• เขาเป็นไข้เพราะเดินตากฝน

• ใช้ดินสอหรือปากกาเขียนก็ได้

• เธอจะจดจ่อหรือจดจำก็เลือกเอา

ข้อใดไม่ใช่ประโยคความซ้อน

• ต้อยติ่งได้ที่เล่นที่ถูกใจบนดาดฟ้า

• สัตว์เลี้ยงของผมเป็นสัตว์ป่าที่เชื่องแล้ว

• ถ้าฝนไม่ตกหนักนํ้าก็ไม่ท่วมมากอย่างนี้

• โคมไฟที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังต้นไม้ ทำให้เกิดเงาที่กำแพง

ข้อใดเป็นประโยครวม

• เขายื่นคำร้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชน

• ผมรู้จักคุณสมศักดิ์ตั้งแต่ก่อนเข้าทำงาน

• เจ้าหน้าที่ซื้อปลาและนำปลาไปเพาะพันธุ์

• การเดินเล่นตอนเช้าเป็นการออกกำลังกาย

ประโยคใดแตกต่างจากข้ออื่น

• พลอยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

• เพลงหลงใหลทะเลทางใต้

• นักท่องเที่ยวประทับใจสถานที่ที่มัคคุเทศก์แนะนำ

• พราวซื้อของเล่นที่เคลื่อนไหวได้

ประโยคใดแตกต่างจากข้ออื่น

• ชีวินต่อสู้เพื่อคนรัก

• ไชยาไม่ชอบรับประทานข้าวขาหมู

• ชนกเช่าเรือยอชมาขับเล่นแถวกระบี่

• น้ำเพชรไม่เชื่อว่าคุณนายคือแม่ของตน

ประโยคใดแตกต่างจากข้ออื่น

• แนนซี่ใช้ยางมัดผมที่มีสีสันสดใส

• ราฟฟี่สวมเสื้อยืดสีแดงและสวมเสื้อกั๊กสีเหลืองด้านนอก

• เพราะต้องการให้ปอดแข็งแรงแนนซี่จึงออกกำลังกายเป็นประจำ

• ราฟฟี่ซ้อมเต้นอย่างหนักเพื่อให้ผลงานออกมาดี

ประโยคใดแตกต่างจากข้ออื่น

• กิ่งกินโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต

• แก้วต่อยและเตะกระสอบทราย

• คุณจะไปกับผมหรือไปกับคุณโก้

• ก้อยชอบกินผักแต่ไม่ชอบผักคะน้า