Basic Categorical data analysis

ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลแจงนับ?

• ทดสอบสมมติฐานความแตกต่างของค่าสัดส่วนประชากรมากกว่าสองกลุ่มที่เป็นอิสระต่อกันได้

• ประมาณค่าช่วงเชื่อมั่นและทดสอบสมมติฐานของค่าเฉลี่ยประชากรกลุ่มเดียว

• ประมาณค่าช่วงเชื่อมั่นและทดสอบสมมติฐานความแตกต่างของค่าสัดส่วนประชากรสองกลุ่มที่ไม่เป็นอิสระต่อกันได้

• ประมาณค่าช่วงเชื่อมั่นและทดสอบสมมติฐานความแตกต่างของค่าสัดส่วนประชากรสองกลุ่มที่เป็นอิสระต่อกันได้

ค่าสัดส่วนในตัวอย่างเขียนแทนด้วย?

• r

• s

• q

• p

การอนุมานค่าสัดส่วนประชากรกลุ่มเดียวมีลักษณะเดียวกับข้อใด?

• การทดสอบสมมติฐานความแตกต่างของค่าสัดส่วนประชากรสองกลุ่มที่เป็นอิสระต่อกันได้

• การประมาณค่าช่วงเชื่อมั่นของค่าเฉลี่ย

• การทดสอบสมมติฐานโดย Z test

• การประมาณค่าช่วงเชื่อมั่นของค่าสัดส่วนในประชากรสองกลุ่มที่ไม่เป็นอิสระต่อกัน

การทดสอบสมมติฐานของค่าสัดส่วนประชากรกลุ่มเดียวใช้สถิติชนิดใด?

• T test

• F test

• Z test

• P test

ค่าสถิติที่ใช้ในการสรุปผลของข้อมูลลักษณะเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพคือ?

• ค่าเฉลี่ย

• ค่าสัดส่วน

• ค่า Z

• ค่า T

ลักษณะของค่าสัดส่วนประชากรสองกลุ่มที่ไม่เป็นอิสระต่อกันคือ?

• มีการวัดค่าต่างกันในกลุ่มทั้งสอง

• มีการวัดค่าเดียวกันในกลุ่มเดียว

• มีการวัดซ้ําในคนๆ เดิม

• มีการวัดค่าเดียวกันในกลุ่มทั้งสอง

การทดสอบสมมติฐานด้วย Z test ใช้สูตรใดเมื่อ B+C < 20

• Z = (B-C)/N

• Z = (B+C)/N

• Z = (C-B)/N

• Z = N/(B+C)

ค่า p-value ที่น้อยกว่าระดับนัยสำคัญที่กำหนดไว้ (α = 0.05) จะทำให้เราต้อง

• ยอมรับสมมติฐาน

• ปฏิเสธสมมติฐาน

• ไม่สามารถสรุปได้

• ต้องทดสอบอีกครั้ง

การอนุมานค่าสัดส่วนประชากรสองกลุ่มที่เป็นอิสระต่อกันจำเป็นต้องมาจาก

• การเลือกประชากรที่มีความแตกต่าง

• การสุ่มประชากรสองกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกัน

• การสุ่มประชากรสองกลุ่มที่เกี่ยวข้องกัน

• การเลือกประชากรที่มีความสัมพันธ์

การทดสอบสมมติฐานด้วย Z test เมื่อ B+C ≥ 20 จะใช้สูตรใด

• Z = (B-C)/N

• Z = N/(B+C)

• Z = (C-B)/N

• Z = (B+C)/N