พระราชกําหนด การประมง พ.ศ. ๒๕๕๘

กฎหมายนี้มุ่งหมายเพื่ออะไร?

• เพื่อการจัดระเบียบการประมง ในประเทศไทยและในน่านน้ำ ทั่วไป เพื่อป้องกันมิให้มีการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

• เพื่อรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้อยู่ในภาวะที่ เป็นแหล่งอาหารของมนุษยชาติอย่างยั่งยืน และรักษา สภาพสิ่งแวดล้อมให้ดำรงอยู่ในสภาพที่เหมาะสม ตามแนวทาง กฎเกณฑ์และมาตรฐานที่เป็นที่ ยอมรับนับถือในนานาประเทศ รวมทั้งคุ้มครองสวัสดิภาพ ของคนประจำเรือ และป้องกันการใช้แรงงานผิดกฎหมายในภาคการประมง

• การป้องกันการทําการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

• ถูกทุกข้อ

วัตถุประสงค์ของกฎหมายเกี่ยวกับการประมงรวมถึงอะไรบ้าง?

• การบริหารจัดการด้านการประมง

• การปกป้องและสนับสนุนชุมชนประมงท้องถิ่น

• การปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ

• ทุกข้อที่กล่าวถึง

ขอบเขตของกฎหมายเกี่ยวกับการประมงเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อใด?

• 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

• 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

• 14 มกราคม พ.ศ. 2559

• 1 มกราคม พ.ศ. 2559

ข้อใดไม่ใช่ วัตถุประสงค์ของกฎหมาย?

• เพื่อให้การบริหารจัดการด้านการประมงและการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล มีการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอย่างครบถ้วนและถูกต้อง

• เพื่อบังคับใช้มาตรการตามที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดนี้อย่างเป็นระบบ

• เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำการประมงโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย และการใช้แรงงานผิดกฎหมายในภาคการประมง

• เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพในการทำงานของแรงงานในภาคการประมงชายฝั่งเท่านั้น

พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ให้ถือว่าการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดนี้ หรือตามกฎหมายของรัฐชายฝั่ง หรือตาม หลักเกณฑ์หรือมาตรการ ตามกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง หรือหลักเกณฑ์หรือมาตรการขององค์การระหว่างประเทศ บรรดาที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์และบริหารจัดการการประมง ไม่ว่าจะกระทำในน่านน้ำไทย หรือนอกน่านน้ำไทย และไม่ว่ากระทำโดยใช้เรือประมงไทย เรือประมงที่มิใช่เรือประมงไทย หรือเรือไร้สัญชาติ เป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรและต้องรับโทษตามที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดนี้ และให้ศาลไทย มีอำนาจ พิจารณาและพิพากษาคดีได้ และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการมีอำนาจ ดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างไรก็ตามหากความผิดเกิดขึ้นนอกน่านน้ำไทย และการกระทำความผิดนั้น มิใช่เรือประมงไทยหรือผู้มีสัญชาติไทย ให้กระทำได้เมื่อได้รับแจ้งจากรัฐต่างประเทศที่การกระทำความผิด เกิดขึ้น หรือองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้นแล้ว (มาตรา ๘)

จากขอบเขตของกฎหมายข้างต้น หากความผิดเกิดขึ้นนอกน่านน้ําไทย และการกระทําความผิดนั้น มิใช่เรือประมงไทยหรือผู้มีสัญชาติไทย สามารถลงโทษผู้กระทําความผิดตามพระราชกําหนดนี้ได้หรือไม่

• ไม่ เพราะอยู่นอกอาณาเขตประเทศไทย

• ได้ ซึ่งจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศหรือขององค์การ ระหว่างประเทศในการดําเนินการ

• ไม่ได้กำหนดความผิดตามพระราชกําหนดนี้

• ไม่เเน่ใจ

มาตราที่ 11 กล่าวไว้ว่า

• เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการการประมง ให้กรมประมงดําเนินการรวบรวม และประมวลข้อมูลทั้งปวงที่ได้จากการอนุญาต ออกใบอนุญาต จดทะเบียน หรือที่มีผู้แจ้งตามพระราชกําหนดนี้ และจัดทําสถิติการประมงให้เป็นปัจจุบันเสนอต่อคณะกรรมการทุกเดือนหรือตามระยะเวลาที่สั้นกว่านั้น ตามที่คณะกรรมการกําหนด

• ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เรือไร้สัญชาติทําการประมง

• ห้ามมิให้โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับสัตว์น้ํา จ้างลูกจ้างโดยฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานหรือจ้างคนต่างด้าวที่ไม่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมาย ว่าด้วยการทํางานของคนต่างด้าว

• ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ถูกสั่งปิดโรงงานตามวรรคสามและวรรคสี่ประกอบกิจการโรงงาน เกี่ยวกับสัตว์น้ําและห้ามผู้อนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานออกใบอนุญาตให้แก่บุคคลดังกล่าว เพื่อประกอบกิจการโรงงานเกี่ยวกับสัตว์น้ํา

กรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบการฝ่าฝืนตามมาตรา 11 หากมีการจ้างลูกจ้างหรือคนงาน ที่ผิดกฎหมายไม่เกินห้าคน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รายงานอธิบดีโดยพลัน และให้อธิบดีมีคําสั่งให้หยุด ประกอบกิจการโรงงานตั้งแต่กี่วัน?

• ตั้งแต่สิบวันถึงสามสิบวัน

• ตั้งแต่สามสิบวันถึงสี่วัน

• ตั้งแต่สิบห้าวันถึงสามสิบวัน

• ตั้งแต่ยี่สิบวันถึงสามสิบวัน

“คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ” ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรี แต่งตั้งจํานวนไม่เกินกี่คน เป็นกรรมการ

• 8 คน

• 9 คน

• 10 คน

• 15 คน

มาตรา 61 กล่าวไว้ว่า

• ห้ามมิให้ผู้ใดใช้กระแสไฟฟ้าทําการประมง หรือใช้วัตถุระเบิดในที่จับสัตว์น้ํา ในกรณีที่ทางราชการมีความจําเป็นต้องใช้วัตถุระเบิดในที่จับสัตว์น้ํา ให้กระทําได้เมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ จากอธิบดีและได้ดําเนินการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่สตวั ์น้ําเกินสมควรแล้ว

• ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสัตว์น้ําหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ํา โดยรู้ว่าเป็นสัตว์น้ําหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ําที่ได้มาโดยการกระทําความผิดตามมาตรา ๕๘ มาตรา ๖๐ หรือจากการทําการประมงโดยฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรงตามมาตรา ๑๑๔ หรือที่ได้มาจากเรือประมง ที่ต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา ๙๔ หรือที่มีชื่ออยู่ในประกาศรายชื่อตามมาตรา ๑๑๖

• ห้ามมิให้ผู้ใดทําการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่จับสัตว์น้ําที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ให้ผิดไปจากสภาพที่เป็นอยู่ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่

• ห้ามมิให้ผู้ใดติดตั้ง วาง หรือสร้างเขื่อน ฝาย ทํานบ รั้ว สิ่งปลูกสร้าง เครื่องมือที่เป็นตาข่าย หรือเครื่องมือทําการประมงอื่นใด หรือกระทําการใดในที่จับสัตว์น้ําอันเป็นการกั้น ทางเดินของสัตว์น้ําหรือเป็นอุปสรรคในการเจริญเติบโตของสัตว์น้ํา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ จากพนักงานเจ้าหน้าที่

ข้อใดไม่ใช่ มาตรา ๖๗ ห้ามมิใหผ้ ู้ใดใช้หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ซึ่งเครื่องมือทําการประมง ดังต่อไปนี

• เครื่องมือโพงพาง รั้วไซมานหรือกั้นซู่รั้วไซมาน เครื่องมือลี่ หรือเครื่องมืออื่นที่มีลักษณะ และวิธีการคล้ายคลึงกันเครื่องมือโพงพาง รั้วไซมานหรือกั้นซู่รั้วไซมาน เครื่องมือลี่ หรือเครื่องมืออื่นที่มีลักษณะ และวิธีการคล้ายคลึงกัน

• เครื่องมือลอบพับได้หรือไอ้โง่ ที่มีช่องทางเข้าของสัตว์น้ําสลับซ้ายขวาอยู่ทางด้านข้าง ใช้สําหรับดักสัตว์น้ํา

• เครื่องมืออวนลากที่มีช่องตาอวนก้นถุงใหญ่กว่าขนาดที่อธิบดีประกาศกําหนด

• เครื่องมืออวนรุนที่ใช้ติดกับเรือยนต์ เว้นแต่เป็นอวนรุนเคย