1.ความหมายของคำว่า “วิทยาศาสตร์” ในข้อใดไม่ถูกต้อง

• ก.เป็นการศึกษาค้นคว้าในสิ่งที่สงสัยและต้องการรู้ อย่างมีขั้นตอน

• ข.การทดลองเพื่อทดสอบข้อสงสัยหรือหาข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นในการศึกษาวิทยาศาสตร์

• ค.วิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ

• ง.ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการศึกษาวิทยาศาสตร์สามารถเปลี่ยนแปลงได้

2.ข้อใดจัดเป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์

• ก.พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก

• ข.เมื่อแสงอาทิตย์ผ่านแท่งปริซึมจะแยกเป็นแถบสีของรุ้งกินน้ำ

• ค.เมื่อยืนอยู่กลางแดดจะรู้สึกร้อนและจะรู้สึกเย็นเมื่ออยู่ในห้องปรับอากาศ

• ง.การเดินป่าควรมีเข็มทิศไปด้วย เพื่อช่วยไม่ให้หลงทาง

3.ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในสมัยโบรานเกิดจากข้อใด

• ก.การค้นคว้าทดลอง

• ข.ความเชื่อของคนส่วนมาก

• ค.ความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้

• ง.การใช้อุปกรณ์และวิธีการทดลองที่มีขั้นตอน

4.ข้อใดใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกตหลายด้านมากที่สุด

• ก.รับประทานก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำ

• ข.นั่งดูภาพยนต์อยู่ในโรงภาพยนตร์

• ค.เลือกซื้อดอกไม้

• ง.เลือกซื้อเสื้อผ้า

5.สิ่งใดที่ช่วยให้การออกแบบการทดลองถูกต้อง

• ก.การระบุปัญหา

• ข.การตั้งสมมติฐาน

• ค.การเป็นคนช่างสังเกต

• ง.การเป็นคนมีเหตุมีผล

6.คุณสมบัติข้อใดของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เกิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆมากที่สุด

• ก.การเป็นคนช่างสังเกต

• ข.การเป็นคนมีเหตุผล

• ค.การเป็นคนคมีความคิดริเริ่ม

• ง.การเป็นคนช่างคิดช่างสงสัย

7.เหตุผลที่ทำให้เกิดผลผลิตทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกมายหลายชนิดคือข้อใด

• ก.เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์

• ข.มีการทดลองค้นคว้ามากขึ้น

• ค.เพื่อให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น

• ง.เพื่อให้เจริญก้าวหน้าและทันสมัย

8.หนูนาสังเกตต้นไม้ที่ปลูกไว้ใกล้หน้าต่าง จะเอนออกทางหน้าต่าง เขาบันทกไว้ว่า “พืชต้องการแสงสว่างในการสังเคราะห์ด้วยแสง” ข้อความนี้เรียกว่า

• ก.การสังเกต

• ข.การเดาคำตอบ

• ค.การตั้งปัญหา

• ง.การลงข้อสรุป

9.ขั้นตอนการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยของแพทย์ หลังจากการซักถามอาการอย่างลัเอียดรอบคอบแล้ว การให้ยาของแพทย์ใกล้เคียงกับขั้นตอนใดมากที่สุด

• ก.การสังเกต

• ข.การตั้งปัญหา

• ค.การทดลอง

• ง.การตั้งสมมติฐาน

10.สารใดเปลี่ยนกระดาษลิตมัสจากสีน้ำเงินเป็นแดง

• ก.น้ำสบู่

• ข.น้ำปูนใส

• ค.น้ำอัดลม

• ง.น้ำยาล้างจาน