ข้อใดเป็นข้อคิดคำสอนที่เกี่ยวกับการพูดที่ปรากฏในนิราศภูเขาทอง

• _{ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์}

  _{มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต}

  _{แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร}

  _{จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา}

• _{ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่น้อง}

   _{มามัวหมองม้วนหน้าไม่ผ่าผืน}

  _{เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยืนยืน}

  _{จึงต้องขืนใจพรากมาจากเมือง}

• ^{เหมือนแม่ครัวคั่วแกงพะแนงผัด}

  ^{สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา} 

  ^{อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา}

  ^{ต้องโรยหน้าเสียสักหน่อยอร่อยใจ}

• _{เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้}

  _{ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย}

  _{ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ}

  _{เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา} 

“ดูน้ำวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก

กลับกระฉอกฉาดฉัดวัดเฉวียน

บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งงวงเหมือนกงเกวียน

ดูเวียนเวียนคว้างคว้างเป็นหว่างวน”

ข้อความที่ยกมานี้มีความดีเด่นในด้านใด 

• การใช้คำซ้ำ

• การเล่นสัมผัสอักษร

• การเล่นสัมผัสสระ      

• การใช้อุมาโวหาร

“โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา

ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย ”

คำที่ขีดเส้นใต้ ตามคำกลอนนี้หมายถึงน้ำอะไร ถ้าดื่มแล้วจะผิดศีลข้อไหน

•       หมายถึง น้ำสุรา  ผู้ดื่มสุราจะผิดศีลข้อ ๕

• หมายถึง น้ำเมรัย  ผู้ดื่มสุราจะผิดศีลข้อ ๔

• หมายถึง น้ำข้าวหมาก ผู้ดื่มสุราจะผิดศีลข้อ ๓

• หมายถึง น้ำนรก ผู้ดื่มสุราจะผิดศีลข้อ ๑

   “งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม

ดังขวากแซมเสี้ยมแซกแตกไสว

ใครทำชู้คาท่านครั้นบรรลัย

ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง ”

 จากคำกลอนนี้ ผู้ทำชู้ต้องไปปีนต้นงิ้วในนรก เพราะผิดศีลข้อใด 

• ข้อ  ๑ ปาณาติปาตา เวรมณี

• ข้อ ๒   อทินฺนาทานา เวรมณี

• ข้อ   ๓   กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี

• ข้อ ๔ มุสาวาทา เวรมณี

ข้อใดเป็นความนิยมในการแต่งกลอนนิราศ

• นิยมเริ่มบทแรกด้วยวรรคสดับ ตามด้วยวรรครับ ตามด้วยวรรครอง และวรรคส่ง

•  นิยมเริ่มบทแรกด้วยวรรครับ และจบลงด้วยคำว่าเอ๋ย

• นิยมแต่เป็นกลอนเท่านั้น

• นิยมเริ่มบทแรกด้วย “วรรครับ” และจบด้วยคำว่า “เอย”

ข้อใดสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมในการแต่งกายของคนไทยสมัยก่อน

• ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย

• ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย

• ไอ้ลำหนึ่งครึ่งท่อนกลอนมันมาก

• ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสำเภา

คำประพันธ์ข้อใดไม่มีการใช้อุปมาโวหาร

• พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด         

  ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ

  ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น               

  ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา

• ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง                 

  มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา

  โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา                    

  ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย

• ไปพ้นวัดทัศนาริมท่าน้ำ                  

  แพประจำจอดรายเขาขายของ

  มีแพรผ้าสารพัดสีม่วงตอง                          

  ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสำเภา

• สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า                 

  เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา

  กระจับจอกดอกบัวบานผกา             

  ดาษดาดูขาวดั่งดาวพราย

“สองยาม” ตรงกับเวลาช่วงเวลาใด

• ๑๘.๐๐ น. -๒๑.๐๐ น.   

• ๒๑.๐๐ น. -๒๔.๐๐ น.

• ๒๔.๐๐ น. -๐๓.๐๐ น.   

• ๐๓.๐๐ น. -๐๖.๐๐ น.

    "งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม

ดังขวากแซมเสี้ยมแทรกแตกไสว

ใครทำชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย

ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง"

คำประพันธ์ต่อไปนี้แสดงให้เห็นโวหารภาพพจน์ใด

• อุปมาโวหาร  

• อติพจน์โวหาร

• สัทพจน์โวหาร   

• อุปลักษณ์โวหาร

"สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า

เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา

กระจับจอกดอกบัวบานผกา

ดาษดาดูขาวดั่งดาวพราย"

จากบทประพันธ์นี้พบพืชกี่ชนิด

• ๓ ชนิด

• ๔ ชนิด

• ๕ ชนิด

• ๖ ชนิด