ความเครียดทางชีวภาพในพืช

ความเครียดทางชีวภาพ หมายถึงอะไร?

• ความเครียดที่เกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้อม เช่น ภัยแล้งและอุณหภูมิ

• ความเครียดที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต เช่น เชื้อก่อโรค แมลง และวัชพืช

• ความเครียดที่เกิดจากการขาดสารอาหาร

• ความเครียดที่เกิดจากการให้น้ำมากเกินไปและการชะล้างดิน

Answer explanation

ความเครียดทางชีวภาพในพืช (Biotic Stress) เกิดจากสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายต่อพืช เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย แมลง และวัชพืช ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืช

สิ่งมีชีวิตใดต่อไปนี้ที่มักเกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดความเครียดทางชีวภาพในพืช?

• เชื้อรา

• ไวรัส

• แมลง

• ทั้งหมดที่กล่าวมา

Answer explanation

เชื้อรา ไวรัส และแมลง ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถทำให้เกิดความเครียดทางชีวภาพในพืชได้ ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องคือ 'ทั้งหมดที่กล่าวมา'.

โครงสร้างใดในพืชที่มีบทบาทสำคัญในการรับรู้เชื้อก่อโรคในขั้นต้น?

• คลอโรพลาสต์

• ผนังเซลล์

• ตัวรับรู้รูปแบบจำเพาะ (PRRs)

• ปากใบ

Answer explanation

ตัวรับรู้รูปแบบจำเพาะ (PRRs) เป็นโครงสร้างที่สำคัญในการรับรู้เชื้อก่อโรคในพืช โดยทำหน้าที่ตรวจจับสัญญาณจากเชื้อโรคและกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันในขั้นต้น.

หน้าที่หลักของการตอบสนองแบบ Hypersensitive Response (HR) ในการป้องกันพืชคืออะไร?

• เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของพืช

• เพื่อทำให้เซลล์รอบบริเวณที่ติดเชื้อตาย เพื่อจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อก่อโรค

• เพื่อเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร

• เพื่อปิดปากใบอย่างถาวร

Answer explanation

การตอบสนองแบบ Hypersensitive Response (HR)

เป็นการตอบสนองของพืชที่ทำให้เซลล์ที่ติดเชื้อและเซลล์รอบบริเวณที่ติดเชื้อตาย เพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อก่อโรคไปยังส่วนอื่น ๆ ของพืช

จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์มีบทบาทอย่างไรในการเพิ่มความต้านทานของพืชต่อเชื้อก่อโรค?

• แข่งขันกับเชื้อก่อโรคเพื่อแย่งพื้นที่และทรัพยากร

• เพิ่มการดูดซึมสารอาหารเพียงอย่างเดียว

• ทำให้พืชติดโรคเพื่อเพิ่มความแข็งแรง

• ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของพืชอ่อนแอลง

Answer explanation

จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์สามารถแข่งขันกับเชื้อก่อโรคเพื่อแย่งทรัพยากร และยังช่วยกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของพืช ทำให้พืชมีความต้านทานมากขึ้น

แนวทางใดที่อธิบายการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ (IPM) ได้ดีที่สุด?

• การใช้วิธีชีวภาพเพียงอย่างเดียวในการจัดการศัตรูพืช

• การผสมผสานวิธีชีวภาพ วัฒนธรรม กลไก และเคมี เพื่อจัดการประชากรศัตรูพืชอย่างยั่งยืน

• การใช้สารเคมีฆ่าแมลงตามเวลาที่กำหนด โดยไม่คำนึงถึงการมีอยู่ของศัตรูพืช

• การกำจัดพืชทั้งหมดเพื่อลดแหล่งที่อยู่ของศัตรูพืช

Answer explanation

การจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ (IPM) คือการใช้วิธีการหลายอย่างร่วมกัน เช่น ชีวภาพ วัฒนธรรม กลไก และเคมี เพื่อควบคุมประชากรศัตรูพืชอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว.

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจส่งผลต่อความเครียดทางชีวภาพในพืชอย่างไร?

• ลดการแพร่ระบาดของเชื้อก่อโรคทั่วโลก

• เปลี่ยนแปลงการกระจายตัวและวงจรชีวิตของศัตรูพืชและเชื้อก่อโรค ซึ่งอาจเพิ่มผลกระทบ

• กำจัดประชากรศัตรูพืชเนื่องจากสภาพอากาศที่รุนแรง

• ทำให้ความกดดันจากศัตรูพืชและโรคอยู่ในระดับคงที่

Answer explanation

สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงสามารถส่งผลต่อการกระจายตัวของศัตรูพืชและเชื้อก่อโรค ทำให้มีการแพร่ระบาดมากขึ้นหรือเกิดในพื้นที่ใหม่ ๆ

จุดประสงค์ของการสื่อสารระหว่างวิถีการตอบสนองผ่านกรดซาลิไซลิก (SA) และกรดจัสโมนิก (JA) ในพืชคืออะไร?

• เพื่อให้พืชใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเปิดใช้งานเฉพาะระบบป้องกันที่จำเป็น

• ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของพืชสับสน

• เพิ่มการสังเคราะห์แสงในช่วงที่เกิดความเครียด

• ยับยั้งการป้องกันทั้งหมดของพืชในช่วงที่ติดเชื้อ

Answer explanation

การสื่อสารระหว่างกรดซาลิไซลิก (SA) และกรดจัสโมนิก (JA) ช่วยให้พืชสามารถปรับระบบป้องกันตามประเภทของการคุกคาม โดยเปิดใช้งานเฉพาะระบบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ทำให้พืชใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเปิดใช้งานเฉพาะระบบป้องกันที่จำเป็นในช่วงที่มีความเครียดหรือการติดเชื้อ

การปฏิบัติทางการเกษตรแบบยั่งยืนใดที่ช่วยลดความเครียดทางชีวภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ?

• การปลูกพืชชนิดเดียวกันโดยไม่หมุนเวียน

• การหมุนเวียนพืชและการใช้พืชคลุมดิน

• การใช้ปุ๋ยเคมีและสารฆ่าแมลงอย่างต่อเนื่อง

• การปลูกพืชดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) เท่านั้น โดยไม่มีการควบคุมอื่น ๆ

Answer explanation

การหมุนเวียนพืชและการใช้พืชคลุมดินช่วยลดการสะสมของศัตรูพืชในดินและช่วยปรับปรุงสุขภาพของดิน ทำให้พืชมีความทนทานต่อความเครียดทางชีวภาพได้มากขึ้น

ตัวรับรู้รูปแบบจำเพาะ (PRRs) มีบทบาทอะไรในระบบป้องกันของพืช?

• ตรวจจับและจับกับโมเลกุลที่เกี่ยวข้องกับเชื้อก่อโรค (PAMPs) เพื่อเริ่มต้นการตอบสนองภูมิคุ้มกัน

• มีหน้าที่ในการสังเคราะห์แสงในเซลล์พืช

• ปิดปากใบเพื่อตอบสนองต่อความเครียดจากน้ำ

• เก็บสารอาหารสำหรับการเจริญเติบโตของพืช

Answer explanation

PRRs มีบทบาทสำคัญในการตรวจจับโมเลกุลที่เกี่ยวข้องกับเชื้อก่อโรค (PAMPs) ซึ่งเป็นสัญญาณแรกที่พืชใช้ในการรับรู้การบุกรุกของเชื้อก่อโรค และเป็นจุดเริ่มต้นของการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน