การพัฒนาเมืองในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 1-2 เน้นไปที่การลงทุนด้านใดเป็นหลัก?

• การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

• การกระจายความเจริญไปยังชนบท

• การสร้างเขตอุตสาหกรรม

• การส่งเสริมการท่องเที่ยว

แนวคิด “Growth Pole” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออะไร

• ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม

• สร้างอิทธิพลของเมืองหลักให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่รอบๆ

• เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

• สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงทรัพยากร

ผลของการขยายตัวอย่างรวดเร็วของกรุงเทพฯในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองคืออะไร?

• ความเจริญกระจายสู่ภาคอื่นๆ

• เกิดการรวมตัวทางเศรษฐกิจในกรุงเทพฯ

• การลดช่องว่างรายได้ระหว่างชนบทกับเมือง

• การเพิ่มขึ้นของการลงทุนจากต่างชาติ

การพัฒนาภูมิภาค (Regional Development) ตามแนวคิด Growth Pole ส่งผลอย่างไรต่อชนบท?

• เกิดความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ

• การพัฒนาที่กระจายตัวอย่างทั่วถึง

• การเจริญเติบโตแบบดูดกลืนจากเมืองหลัก

• เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของชนบท

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 7 เน้นไปที่อะไร?

• การพัฒนาศูนย์กลางความเจริญในภูมิภาค

• ลดการพึ่งพาการเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร

• การกระจายความเจริญสู่ชนบท

• การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายฝั่งทะเล

การเกิดขึ้นของปัญหาชุมชนแออัดในกรุงเทพฯมี “สาเหตุหลัก” มาจากอะไร?

• การลดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

• การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่ไม่เพียงพอ

• การเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยว

• การขาดแคลนที่อยู่อาศัยราคาถูก

ปัญหามลพิษทางอากาศในเมืองเชียงใหม่มีสาเหตุหลักมาจากอะไร?

• การลดลงของจำนวนประชากร

• แม่น้ำเน่าเสีย

• การเผาในที่โล่ง

• การจราจร

เมืองที่เรียกว่า “Sponge City” มีจุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหาอะไร?

• การขาดแคลนที่อยู่อาศัย

• เมืองที่มีการขนส่งทางน้ำครอบคลุมทุกพื้นที่

• การบริหารจัดการน้ำ และน้ำท่วม

• ปัญหาคนแออัด

แนวคิด “เมืองที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ” (Age-friendly City) เน้นไปที่การพัฒนาในด้านใด?

• การเพิ่มพื้นที่สีเขียว

• การส่งเสริมการจ้างงาน

• การพัฒนาสุขภาพและความปลอดภัยของผู้สูงอายุ

• การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

การพัฒนาเศรษฐกิจของกรุงเทพฯและภาคตะวันออกในช่วงปี พ.ศ. 2515-2534 เกิดจากการนำแนวคิดใดมาใช้?

• การพัฒนาแบบกระจายอำนาจ

• การพัฒนาแบบ Growth Pole

• การพัฒนาแบบ Top-down

• การพัฒนาแบบองค์รวม