1. ข้อใดเป็นลักษณะขององค์การ

• มีโครงสร้าง มีการบังคับบัญชา

• แบ่งงาน จัดสรรหน้าที่

• การรวมบุคคลกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่ต้องมีความสัมพันธ์

• การรวมบุคคล

• องค์กรที่มุ่งหวังผลกำไร

2. ข้อใดไม่ใช่จุดอ่อนขององค์การแบบราชการตามแนวความคิดทฤษฎีดั่งเดิมของแมค วีเบอร์ (Max Weber)

• ก. สายการบังคับบัญชาไม่ชัดเจน

• ข. ไม่เคร่งครัดในกฎเกณฑ์ระเบียบวินัย

• ค. การแบ่งงานกันทำ

• ง.เน้นที่องค์การ ละเลยปัญหาของคน

• จ. การยึดถืองาน

Answer explanation

3. ข้อใดเป็นลักษณะที่เน้นในการจัดองค์การแบบวิทยาศาสตร์ (Scientifc Management) ของเฟรด

เดอริค เทย์เลอร์ (Frederic Taylor) แนวความคิดทฎีตั้งเดิม

• ก.นำวิธีการศึกษาวิทยาศาสตร์มาวิเคราะห์และแก้ปัญหา

• ข. หาความสัมพันธ์ระหว่างงานและหัวหน้างาน

• ค. ศึกษาถึงแรงจูงใจ อารมณ์ และความต้องการ

• ง. ศึกษาความต้องการในสังคมของกลุ่มคนงาน

• จ. เชื่อว่าเงินตัวเดียวจะล่อใจให้คนทำงานได้ดีที่สุด

4. ทฤษฎีที่เน้นเรื่องมนุษยสัมพันธ์ กำหนดผลผลิตด้วยความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นปัจจัยที่สำคัญคือข้อใด

• ก. ทฤษฎีดั้งเดิม

• ข. ทฤษฎีการจัดการทางวิทยาศาสตร์

• ค. ทฤษฎีเก่า

• ง.ทฤษฎีสมัยใหม่

• จ. ทฤษฎีทางสังคม

5. องค์การที่สมาชิกมีความรู้สึกสนิทสนมกันดี มีลักษณะเป็นครอบครัว เป็นองค์การประเภทใด

• ก. องค์การแบบเป็นทางการ (Formal Organization)

• ข. องค์การทุติยภูมิ (Secondary Organization)

• ค.องค์การเบื้องต้น (Primary Organization)

• ง. องค์การแบบไม่เป็นทางการ (Informal Organization)

• จ. องค์การที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์ (Non-Proft Organization)

6. สำนักงานเป็นองค์การประเภทใด

• ก.องค์การที่แสวงผลประโยชน์ (Proft Organization)

• ข.องค์การที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์ (Non-Profit Organization

• ค. องค์การแบบไม่เป็นทางการ (Informal Organization)

• ง. องค์การแบบเป็นทางการ (Formal Organization)

• จ. องค์การเบื้องต้น (Primary Organization)

7.ใน"หลักในการจัดองค์การที่ดี" OSCAR ของ เฮนรี ฟาโยล (Henri Fayol) คือการนำตัวอั

ของคำทั้ง 5 มาเรียงต่อกัน จะทำให้สะกดได้คำว่า OSCAR ข้อใดไม่ใช้คำทั้ง 5

• ก. หลักวัตถุประสงค์ (Objective)

• ข.หลักการโต้ตอบและการติดต่อ (Correspondence)

• ค.หลักการประสานงาน (Coordination)

• ง. หลักความรู้ความสามารถเฉพาะอย่าง (Specialization)

• จ. หลักความรับผิดชอบ (Responsibility)

8. ข้อใดไม่ใช่กระบวนการจัดองค์การ (Process of Organizing)

• ก. ทำคำบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

• ข. จัดวางความสัมพันธ์ (Establishment of Relationship)

• ค.จัดค่าตอบแทน ค่าจ้าง เงินเดือน

• ง.แยกประเภทงาน จัดกลุ่มงาน และออกแบบงาน

• จ. มอบหมาย (Delegation)

9. ข้อใดไม่ใช่ประเภทการจัดโครงสร้างขององค์การ

• ก.ทีมการทำงาน

• ข. งานอนุกรม

• ค. คณะกรรมการบริหาร

• ง. คณะที่ปรึกษา

• จ. ตามหน้าที่การงาน

10. ข้อใดไม่ใช่หลักเกณฑ์พื้นฐานที่จะใช้สำหรับการจัดแผนกงาน

• ก. ตามลูกค้า (Departmentation by Customer)

• ข. ตามกระบวนการผลิต (Departmentation by Process)

• ค. ตามความรับผิดชอบ (Responsibility)

• ง. ตามหน้าที่ (Departmentation by Function)

• จ. ตามภูมิศาสตร์