1. หลักการเขียนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ข้อใดสำคัญที่สุด

• a) เขียนให้ผู้อ่านอ่านเข้าใจ
• b) เขียนให้เห็น Gap of knowledge
• C) เขียนให้ยาว ประมาณ 4 หน้ากระดาษ
• D) เขียนให้สั้นๆ กระชับ

2. สิ่งสำคัญของการพัฒนาโครงร่างการวิจัยคือข้อใด

• a) งบประมาณ
• b) การทบทวนวรรณกรรม
• c) กลุ่มตัวอย่าง
• d) รูปแบบการวิจัย

3. โครงร่างการวิจัยส่วนใดที่บ่งบอกถึงสิ่งที่นักวิจัยอยากจะทราบจากการวิจัย

• a) ชื่อเรื่อง
• b) วัตถุประสงค์การวิจัย
• c) วิธีดำเนินการวิจัย
• d) สมมติฐานการวิจัย

4. รูปแบบการวิจัยใด เหมาะสมที่สุด สำหรับการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเสี่ยงและการเกิดโรค

• a) การวิจัยเชิงทดลอง
• b) การวิจัยแบบภาคตัดขวาง
• c) การวิจัยแบบ cohort
• d) การวิจัยแบบ case-control

5.การวิจัยแบบใด เหมาะสมที่สุด ในการประเมินประสิทธิผลของโปรแกรมสุขภาพใหม่

• a) การวิจัยเชิงสำรวจ
• b) การวิจัยเชิงทดลอง
• c) การวิจัยเชิงคุณภาพ
• d) การวิจัยแบบ case series

6.รูปแบบการวิจัยใด เหมาะสมที่สุด สำหรับการศึกษาความชุกของโรคในชุมชน

• a) การวิจัยแบบ cohort
• b) การวิจัยแบบภาคตัดขวาง
• c) การวิจัยแบบ case-control
• d) การวิจัยเชิงทดลอง

7.ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะของการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research)

• a) มุ่งเน้นการแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง
• b) ผู้วิจัยมีส่วนร่วมในกระบวนการวิจัย
• c) เน้นการทดสอบสมมติฐานทางสถิติ
• d) มีวงจรการปฏิบัติและสะท้อนผล

8.ข้อใดเป็น จุดเด่น ของการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)

• a) ให้ความสำคัญกับบริบทและความหมายเชิงลึก
• b) สามารถวัดและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติได้
• c) มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงในระหว่างการวิจัย
• d) เน้นการตีความข้อมูลเชิงอัตวิสัย

9.การวัดระดับการศึกษาเป็นประถม มัธยม และอุดมศึกษา จัดเป็นข้อมูลประเภทใด

• a) Nominal data
• b) Ordinal data
• c) Interval data
• d) Ratio data

10. หากผู้วิจัยต้องการเก็บข้อมูลการรับรู้ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด 19 และการตัดสินใจฉีดวัคซีนโควิด 19 ของประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้วิจัยควรใช้เครื่องมือวิจัยประเภทใดในการรวบรวมข้อมูล เหมาะสมที่สุด

• a) แบบทดสอบ
• b) แบบสอบถาม
• c) แบบสัมภาษณ์
• d) แบบสังเกต