ประเทศไทยกำหนดมาตรการตรวจจับผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับ โดยถือเอาระดับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินเท่าใด

• 10 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

• 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

• 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

• 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

ข้อใดเป็นบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ .2522 มาตรา 43(2)

• จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

• จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

• จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

• ไม่มีข้อใดถูก

ข้อใดไม่ใช่วิธีการตรวจหาระดับแอลกอฮอล์ในเลือด

• ทางลมหายใจ

• ทางเลือด

• ทางปัสสาวะ

• ทางอุจจาระ

ข้อใดเป็นความรุนแรงที่ผู้ปฐมพยาบาลควรให้ลำดับความสำคัญในการช่วยเหลือก่อนข้ออื่น ๆ

• อาการเสียเลือดอย่างรุนแรง

• อาการหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ

• อาการกระดูกหักบริเวณต่าง ๆ

• อาการบาดแผลไฟไหม้ต่าง ๆ

ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการปฐมพยาบาล

• หากสังเกตได้ว่าผู้บาดเจ็บไม่หายใจหรือคลำไม่พบชีพจรให้รีบผายปอดและนวดหัวใจ

• ห้ามเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บจากตำแหน่งที่พบแม้ว่าจะอยู่ในบริเวณที่เกิดไฟไหม้ก็ตาม

• ดูแลให้ผู้บาดเจ็บสบายตัว เช่น ขยายเสื้อผ้าให้หลวม ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย

• ถูกต้องทั้งข้อ ข. และข้อ ค.

ข้อใดไม่ใช่สัญญาณชีพ

• ชีพจร

• อุณหภูมิ

• ความดันเลือด

• ระดับน้ำตาลในเลือด

ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการวัดอุณหภูมิร่างกาย

• การวัดอุณหภูมิทางปากต้องใช้เวลานาน 1 – 2 นาที เหมาะกับผู้ป่วยทั้งที่มีสติและหมดสติ

• การวัดอุณหภูมิทางรักแร้ต้องใช้เวลานาน 5 – 10 นาที โดยอุณหภูมิจะต่ำกว่าทางปาก

• การวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก ใช้เวลานาน 1 – 2 นาที โดยอุณหภูมิจะสูงกว่าทางปาก

• อุณหภูมิปกติของร่างกายอยู่ที่ 36 – 38 องศาเซลเซียส

ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการนับชีพจร

• เพื่อสังเกตอัตราการเต้นของหัวใจ

• เพื่อสังเกตความแรงการเต้นของหัวใจ

• เพื่อสังเกตความสม่ำเสมอการเต้นของหัวใจ

• เพื่อสังเกตปริมาณของเลือดที่ไหลออกจากหัวใจ

ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการผายปอด

• ต้องเอาสิ่งที่ติดค้างหรือขวางทางเดินหายใจในปากออกก่อนทำการผายปอด

• การผายปอดวิธีเป่าปากในผู้ใหญ่และเด็กจะใช้อัตราความถี่ในการเป่าปากเท่ากัน

• ก่อนการผายปอดทั้งสองวิธีต้องจัดให้ศีรษะผู้ป่วยต่ำกว่าระดับเท้าเล็กน้อย

• ระหว่างผายปอดให้สังเกตอาการผู้ป่วยตลอด

ข้อใดกล่าวเกี่ยวกับการนวดหัวใจได้ถูกต้อง

• ให้ผู้ป่วยนอนราบบนพื้นหรือที่นอนที่อ่อนนุ่ม สบายตัว

• วางนิ้วโป้งและนิ้วชี้ตำแหน่งกระดูกซี่โครงต่อกับกระดูกอกส่วนล่างสุด วางสันมืออีกข้างถัดไปเป็นตำแหน่งที่ ต้องนวดหัวใจ

• เวลานวดให้ทิ้งน้ำหนักกดหน้าอกผู้ป่วยให้กระดูกต่ำลง 3 นิ้ว

• กดหน้าอกจังหวะสม่ำเสมอในอัตรา 1 ครั้งต่อวินาที หรือประมาณ 60 – 80 ครั้งต่อนาที