ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี คือข้อใด

• ความเข้มข้นของสารละลาย ความดัน ตัวเร่งปฏิกิริยา พันธะโคเวเลนต์

• พันธะโคเวเลนต์ อุณหภูมิ ความเข้มข้นของสารละลาย ความดัน

• อุณหภูมิ ความเข้มข้นของสารละลาย พื้นที่ผิว ตัวเร่งปฏิกิริยา

• อุณหภูมิ พันธะโคเวเลนต์ พื้นที่ผิว ตัวเร่งปฏิกิริยา

นักเรียนคนหนึ่งศึกษาปฏิกิริยาการสลายตัวของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โดยมีแมงกานีสไดออกไซด์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา แล้วนำปริมาตรของออกซิเจน (O₂) ที่เกิดขึ้นมาเขียนกราฟดังแสดง การทดลองนี้แสดงอะไร

• ตัวเร่งปฏิกิริยามีประสิทธิภาพสูงที่อุณหภูมิสูง

• ผลิตภัณฑ์ที่เป็นแก๊สจะไม่เปลี่ยนแปลงปริมาตรที่อุณหภูมิสูง

• อัตราการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้นตามอุณหภูมิ

• สารตั้งต้นจะอยู่ในสถานะใดก็ได้

ปฏิกิริยาระหว่างของแข็งกับแก๊สชนิดหนึ่งซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถ้าต้องการทำให้อัตราของการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น จะต้องทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร

• ลดความดันของแก๊ส

• ลดอุณหภูมิลง

• ลดขนาดของของแข็งลง

• รักษาความดันให้คงที่

การทดลองในข้อใดมีอัตราการเกิดปฏิกิริยาสูงที่สุดที่อุณหภูมิเดียวกัน

• ใส่แผ่นสังกะสี 1 ชิ้น หนัก 1 กรัม ลงในกรด HCl 0.1 mol/dm³

• ใส่แผ่นสังกะสี 2 ชิ้น หนักชิ้นละ 0.5 กรัม ลงในกรด HCl 0.2 mol/dm³

• ใส่สังกะสีผงละเอียดหนัก 1 กรัม ลงในกรด HCl 0.1 mol/dm³

• ใส่สังกะสีผงละเอียดหนัก 1 กรัม ลงในกรด HCl 0.2 mol/dm³

หน้าที่ของตัวเร่งปฏิกิริยาคือข้อใด

• ลดความแตกต่างระหว่างพลังงานของสารตั้งต้นและสารผลิตภัณฑ์

• เพิ่มพลังงานให้กับโมเลกุลของระบบ

• ลดพลังงานกระตุ้นของปฏิกิริยา

• ช่วยเพิ่มจำนวนครั้งของการชนกันของโมเลกุลสารตั้งต้น

ข้อใดมีผลทำให้อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน

• เพิ่มอุณหภูมิ ลดความดัน

• เพิ่มพื้นที่ผิว ใส่ตัวเร่งปฏิกิริยา

• เพิ่มความเข้มข้นของสารตั้งต้น เพิ่มพลังงานก่อกัมมันต์

• เพิ่มพื้นที่ผิว เพิ่มขนาดของภาชนะที่บรรจุ

ในการศึกษาปฏิกิริยาเคมีโดยทั่วไปมักต้องการให้ปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นเร็ว ดังนั้นเวลาทำการทดลองจึงมักกระทำอย่างไร

• อุ่นให้ร้อนเพื่อเพิ่มอุณหภูมิ

• ใช้สารละลายที่มีความเข้มข้นสูง

• ใช้วิธีคนอย่างสม่ำเสมอ

• ใช้ทั้งสามวิธีที่กล่าวมา

เมื่อใส่ 1 M HCl จำนวน 25 cm³ ลงบนหินปูนเล็ก ๆ จะมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงในข้อใดที่จะไม่ทำให้อัตราของปฏิกิริยาเริ่มต้นเพิ่มขึ้น

• ใช้ 1 M HCl 100 cm³

• ใช้ 2 M HCl 25 cm³

• ใช้ 2 M HCl 50 cm³

• บดหินปูนให้ละเอียด

ข้อความใดต่อไปนี้ผิด

• ปฏิกิริยาเคมีที่พลังงานก่อกัมมันต์สูง จะเกิดปฏิกิริยาเร็วกว่าปฏิกิริยาที่มีพลังงานก่อกัมมันต์ต่ำ

• การเพิ่มอุณหภูมิให้แก่สารที่เข้าทำปฏิกิริยากันมักจะทำให้อัตราการเกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้น

• การเพิ่มความเข้มข้นของสารตั้งต้น จะทำให้อัตราการเกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้น

• ปฏิกิริยาเคมีหนึ่ง ๆ พลังงานก่อกัมมันต์จะเปลี่ยนไปได้ในกรณีที่เติมตัวเร่งปฏิกิริยา

ปฏิกิริยาการเตรียมสบู่เป็นปฏิกิริยาเนื้อผสม เกิดจากไขมันหรือน้ำมันทำปฏิกิริยากับสารละลาย NaOH การคนสารละลายที่อุณหภูมิคงที่จะช่วยให้ปฏิกิริยาเร็วขึ้น เพราะเหตุใด

• เพิ่มพลังงานจลน์ให้สาร ทำให้จำนวนโมเลกุลมีพลังงานสูงถึงพลังงานก่อกัมมันต์เพิ่มขึ้น

• เพิ่มพลังงานจลน์ให้สาร ทำให้สารในระบบชนกันแรงขึ้น

• ทำให้พลังงานก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยาลดลง

• เพิ่มความถี่ในการชน