นาย ก. เป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง มีความสามารถในการหาประกันชีวิตได้ตรงตามเป้าหมายของบริษัทเป็นประจำและต่อเนื่องมาโดยตลอดจนได้ชื่อว่าเป็นตัวแททนดีเด่นของบริษัททุกปี แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น นาย ก. ประสบอุบัติเหตุต้องนอนรักษาตัวอยู่เกือบ 2 เดือน ทำให้ไม่สามารถออกไปหาประกันภัยได้ ภรรยานาย ก. ซึ่งเป็นตัวแทนประกันชีวิต เกรงว่าสามีจะเสียงานและไม่ประสงค์จะให้ผู้ทำประกันภัยต้องรอนานเพราะขาดการติดต่อ จึงได้ขอรายชื่อผู้ที่สนใจจะทำประกันภัยจากสามี และได้ช่วยหาประกันภัยให้กับสามีซึ่งนอนป่วย จนกระทั่งสามีหายและออกหาประกันภัยได้ตามปกติ นักศึกษาคิดว่าการกระทำของสามีและภรรยาคู่นี้เป็นอย่างไร

• ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อผู้เอาประกันภัย และเพื่อนร่วมอาชีพ

• ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อบริษัทประกันภัย

• ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อบริษัทประกันภัย เพื่อนร่วมอาชีพ และผู้เอาประกันภัย

• ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อเพื่อนร่วมอาชีพ

มีผู้เอาประกันภัยรายหนึ่งประกันภัยแบบสะสมทรัพย์ 20/20 ปี ตัวแทนฯ ที่ขายประกันชีวิตได้แจ้งแก่ผู้เอาประกันภัยว่าชำระเบี้ยประกันชีวิตครบ 7 ปี กรมธรรม์ประกันชีวิตก้จะคุ้มครองต่อไปจนครบกำหนดสัญญาโดยไม่ต้องชำระเบี้ยฯต่อไป ผู้เอาประกันภัยเข้าใจว่าจะได้รับความคุ้มครองเต็มตามจำนวนเงินเอาประกันภัย โดยที่ตัวแทนฯ ไม่ได้ชี้แจงอะไรเพิ่มเติม นักศึกษาคิดว่าผิดจรรยยาบรรณหรือไม่

• ผิด ในข้อนี้ไม่ชี้แจงให้ผู้เอาประกันภัยทราบถึงสิทธิ์อย่างละเอียด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย

• ไม่ผิด เพราะตัวแทนได้ชี้แจงแล้ว ผู้เอาประกันภัยต้องอ่านกรมธรรม์ฯให้เข้าใจประกอบกันไปด้วย

• ไม่ผิด เพราะเป็นการแนะนำที่ถูกต้องแล้ว

• ไม่ผิด เพราะได้ชี้แจงแล้ว แต่ผู้เอาประกันภัยเข้าใจผิดพลาดเอง

นาย ก. ทำประกันชีวิตไว้กับนาย ข. ต่อมาเมื่อครบปีแล้ว นาย ข. จึงเรียกเงินเบี้ยประกันชีวิตปีสองจากนาย ก. เเต่เนื่องจากนาย ก. กำลังมีปัญหาเรื่องหนี้สินอันเกิดจากการลงทุนผิดพลาด และยังไม่สามารถชำระเงินได้ ในขณะนั้นนาย ข. จึงนำเรื่องมาบอกแก่บริษัทประกันชีวิตเพื่อหาช่องทางในการช่วยเหลือนาย ก. ดังนี้ นาย ข. กระทำผิดจรรยาบรรณตัวแทนหรือไม่

• ผิด เพราะนาย ข. นำเรื่องความผิดพลาดของนาย ก. มาบอกแก่ผู้อื่น

• ผิด เพราะนาย ก. ไม่ชำระเบี้ยประกันชีวิตตามกำหนดเป็นความผิดของนาย ก. เอง

• ไม่ผิด เพราะเป็นเรื่องปกติที่ตัวแทนจะหาทางแก้ปัญหาให้ผู้เอาประกันภัย

• ไม่ผิด เพราะบริษัทประกันชีวิตไม่ใช่บุคคลภายนอก

นาย ก. เป็นตัวแทนประกันชีวิตได้ชักชวนให้นาย ข. ทำประกันชีวิต ซึ่งนาย ข. เคยเป็นช่างก่อสร้างมาก่อน แต่ในขณะที่ทำประกันชีวิต นาย ข. มีอาชีพเปิดร้านขายเครื่องเขียน นาย ก. ก็ไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับบริษัททราบ ทำให้บริษัทรับประกันชีวิตนาย ข. ในอัตราเบี้ยประกันภัยมาตรฐาน การกระทำของนาย ก. ผิดจรรยาบรรณหรือไม่

• ไม่ผิด เพราะไม่ใช่สาระสำคัญในการพิจารณารับประกันภัย

• ไม่ผิด เพราะการแถลงเรื่องอาชีพจะทำให้บริษัทเพิ่มเบี้ยประกันภัยเท่านั้นไม่ถึงกับไม่รับประกันภัย

• ผิด เพราะเป็นสาระสำคัญในการพิจารณารับประกันภัย

• ผิด เพราะการแถลงเรื่องอาชีพทำให้บริษัทเพิ่มเบี้ยประกันภัย

นาย ก. เป็นตัวแทนประกันชีวิตแห่งหนึ่ง และได้แนะนำให้นาง ข. ซึ่งเป็นภรรยาทำประกันชีวิต โดยผลยกประโยชน์ให้บุตร และยินดีจ่ายเบี้ยประกันภัยในส่วนที่สูงกว่ารายได้ของนาง ข. นาย ก. ผิดจรรยาบรรณหรือไม่

• ผิด เพราะนาย ก. จ่ายเบี้ยประกันภัยให้นาง ข. ทำประกัน

• ผิด เพราะนาย ก. ขายประกันที่เบี้ยประกันภัยสูงกว่ารายได้ของนาง ข.

• ไม่ผิด เพราะนาย ก. และนาง ข. เป็นสามีภรรยากัน

• ผิด เพราะนาย ก. ลดค่าบำเหน็จให้นาง ข.

นาย ก. เป็นตัวแทนประกันชีวิตต้องการทำผลงานให้ได้ตามเป้าหมายใน 3 เดือน จะได้เลื่อนตำแหน่งจึงทำการชักชวนลูกค้าด้วยการลดเบี้ยประกันภัยให้ ถ้าตัดสินใจซื้อประกันชีวิตในช่วงเวลา 3 เดือน นั้น การกระทำเช่นนี้

• ไม่ผิด เพราะผู้เอาประกันภัยไม่เสียประโยชน์

• ไม่ผิด เพราะผู้เอาประกันภัยไม่เสียประโยชน์ อีกทั้งนาย ก. ก็ได้ผลประโยชน์ด้วย

• ผิด เพราะเป็นการลดเบี้ยประกันภัย เพื่อจูงใจให้ซื้อประกันชีวิต

• ผิด เพราะเป็นการลดเบี้ยประกันภัย เพื่อจูงใจให้ซื้อประกันชีวิต อีกทั้งถือว่าเป็นการไม่ซื่อต่อตนเองด้วย

นายสมชายได้ทำประกันชีวิตไว้กับบริษัท A จำกัด ต่อมานายสมชายได้สนิทสนมกับนางสาวสมศรีซึ่งเป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัท B จำกัด นายสมชายทราบจากการบอกเล่าของนางสาวสมศรีว่าเดิมเคยเป็นตัวแทนฯ ขอบริษัท A แต่ได้ย้ายมาเป็นบริษัท B เพราะบริษัท A มีระบบการบริหารงานไม่ดี นายสมชายจึงบอกนางสมศรีว่าจะเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตเดิมและทำใหม่กับบริษัทที่นางสาวสมศรีเป็นตัวแทนฯ ซึ่งนางสาวสมศรีก็รับไปดำเนินการให้ด้วยความยินดี เพราะตนเองก็กำลังต้องการเป้าหมายยอดขาย จากการกระทำดังกล่าวข้างต้น นักศึกษาคิดว่าข้อใดเป็นการสรุปที่ถูกต้องที่สุด

• นางสาวสมศรีไม่ผิดจรรยาบรรณตัวแทนฯ เพราะไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มชักชวนให้นายสมชายเลิกกรมธรรม์ฯเดิม เป็นความต้องการของนายสมชายเอง

• นางสาวสมศรีผิดจรรยาบรรณตัวแทนฯ เพราะไม่ได้อธิบายให้ผู้ทำประกันชีวิตเข้าใจว่าจะเสียประโยชน์หากละทิ้งกรมธรรม์ฯเดิม

• นางสาวสมศรีผิดจรรยาบรรณตัวแทนฯ เพราะกล่าวร้ายทับถมบริษัทประกันภัยอื่น

• นางสาวสมศรีผิดจรรยาบรรณตัวแทนฯ เพราะกล่าวร้ายทับถมบริษัทประกันภัยอื่น และรวมทั้งไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของการเป็นตัวแทนประกันชีวิตที่ดีที่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพที่จะต้องให้คำแนะนำที่ถูกต้องให้ผู้เอาประกันภัยอย่าละทิ้งกรมธรรม์ฯเดิม อันจะทำให้ต้องเสียประโยชน์ในการทำประกันชีวิต

นาย ก. เป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทหนึ่ง จำกัด ได้ไปขายประกันชีวิตให้กับนางสาว ข. ปรากฏว่านางสาว ข. เล่าให้ฟังว่านาย ค. ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทสอง จำกัด ได้มาติดต่อขายประกันชีวิตให้กับตนและบอกว่านาย ก. ไม่น่าไว้วางใจ ชอบนำเบี้ยประกันชีวิตไปใช้โดยไม่นำส่งบริษัท นาย ก. ควรกระทำอย่างไร

• ถ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่ควรเดือดร้อน

• แบบนี้ต้องนำเรื่องไม่ดีของนาย ค. เล่าให้นางสาว ข. ฟังบ้างเป็นการแก้แค้น

• แจ้งตำรวจจับนาย ค. ข้อหาหมิ่นประมาท

• ชี้แจงเรื่องจริงแก่นางสาว ข. โดยไม่ต้องพูดพาดพิงถึงนาย ค. และนางสาว ข. ตัดสินใจเอง

นาย ก. เป็นหัวหน้าหน่วยตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง นาย ก. ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ทางโหราศาสตร์เป็นอย่างดี ได้ให้คำแนะนำแก่ลูกทีมว่าควรที่จะหาความรู้เพิ่มเติมทางโหราศาสตร์ เพราะสามารถจะนำมาใช้ในการเพิ่มยอดขายได้ นาย ข. ซึ่งเป็นลูกทีมของนาย ก. จึงได้ไปเรียนวิชาโหราศาสตร์ตามคำแนะนำของนาย ก. ดังนั้น นาย ข. ปฎิบัติตามหลักจรรยาบรรณตัวแทนประกันชีวิตข้อใด

• หมั่นศึกษาหาความรู้ในวิชาชีพเพิ่มเติมอยู่เสมอ

• ให้บริการที่ดีอยู่สม่ำเสมอ

• มีความซื่อสัตย์ต่อเพื่อนร่วมอาชีพ

• ไม่มีข้อใดถูก เพราะไม่เข้ากับหลักจรรยาบรรณใด ๆ

นาย ก. พร้อมทั้งภรรยาและลูกอีก 2 คน ได้ทำประกันชีวิตตามคำชักชวนของนาย ข. ซึ่งเป็นตัวแทนประกันชีวิต ต่อมานาย ก. ได้เจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อบ ๆ นาย ข. พิจารณาแล้วเห็นว่าตนเองต้องเสียเวลามาเยี่ยม นาย ก. ทุกครั้ง ที่เข้าโรงพยาบาล จึงได้แนะนำให้นาย ก. เวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต โดยบอกว่าเพื่อที่จะได้เงินมาใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ท่านคิดว่าการกระทำของนาย ข. ผิดจรรยาบรรณหรือไม่

• ไม่ผิด เพราะจะได้มีเวลาไปบริการลูกค้ารายอื่น

• ไม่ผิด เพราะเป็นการช่วยเหลือให้นาย ก. มีเงินในการรักษาพยาบาล

• ผิด เพราะภรรยาและลูกของนาย ก. อาจเวนคืนกรมธรรม์ฯ ตามคำแนะนำของนาย ข.

• ผิด เพราะไม่ธำรงไว้ซึ่งคุณธรรมแห่งอาชีวปฎิญาณ