หลักการของ FIFO คืออะไร?

• Last In, First Out

• First In, First Out

• First In, Last Out

• Last In, Last Out

ข้อใดเป็นวิธีการจัดเก็บวัตถุดิบตามหลัก FIFO ที่ถูกต้อง?

• จัดเก็บวัตถุดิบใหม่ที่ด้านหน้า

• จัดเก็บวัตถุดิบเก่าที่ด้านหลัง

• จัดเก็บวัตถุดิบใหม่ที่ด้านหลัง

• จัดเก็บวัตถุดิบเก่าที่ด้านล่าง

การใช้เทคนิค FIFO ช่วยลดปัญหาใดต่อไปนี้?

• การจัดการสินค้าคงคลังที่มากเกินไป

• การเน่าเสียของวัตถุดิบ

• การเพิ่มต้นทุนการสั่งซื้อ

• การฝึกอบรมพนักงาน

การตรวจสอบและระบุวันที่รับและวันที่หมดอายุบนฉลากของวัตถุดิบเป็นวิธีการที่ช่วยในการจัดการตามหลัก FIFO อย่างไร?

• ช่วยให้วัตถุดิบใหม่ถูกใช้ก่อน

• ช่วยให้วัตถุดิบเก่าถูกใช้ก่อน

• ช่วยให้วัตถุดิบทั้งหมดถูกใช้พร้อมกัน

• ช่วยให้วัตถุดิบไม่ถูกใช้เลย

ข้อใดเป็นประโยชน์ของการใช้ FIFO ในการจัดการวัตถุดิบในร้านอาหาร?

• ลดความเสี่ยงจากการหมดอายุ

• เพิ่มปริมาณสินค้าคงคล

• ลดความจำเป็นในการตรวจสอบวัตถุดิบ

• เพิ่มความซับซ้อนในการจัดการ

การใช้ FIFO ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างไร?

• ทำให้การจัดเก็บวัตถุดิบมีระบบมากขึ้น

• ลดความจำเป็นในการตรวจสอบและบันทึกข้อมูล

• เพิ่มจำนวนวัตถุดิบที่ต้องจัดเก็บ

• ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อน

เมื่อรับวัตถุดิบใหม่เข้ามาในคลัง ควรทำอย่างไรตามหลักการ FIFO?

• จัดเก็บวัตถุดิบใหม่ที่ด้านล่างของชั้นวาง

• จัดเก็บวัตถุดิบใหม่ที่ด้านหน้าของชั้นวาง

• จัดเก็บวัตถุดิบใหม่ที่ด้านบนของชั้นวาง

• จัดเก็บวัตถุดิบใหม่ที่ด้านหลังของชั้นวาง

ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ประโยชน์ของการใช้ FIFO?

• a) ลดการสูญเสียจากการหมดอายุ

• b) เพิ่มความซับซ้อนในการจัดการสินค้าคงคลัง

• c) ลดการสูญเสียจากการเสื่อมสภาพ

• d) เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

การฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับหลักการ FIFO มีประโยชน์อย่างไร?

• a) ช่วยให้พนักงานเข้าใจและปฏิบัติตามหลักการ FIFO ได้อย่างถูกต้อง

• b) ลดการใช้วัตถุดิบในคลัง

• c) เพิ่มปริมาณสินค้าคงคลัง

• d) ลดต้นทุนการสั่งซื้อวัตถุดิบ

ข้อใดเป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ใช้หลักการ FIFO ในการจัดการวัตถุดิบ?

• a) วัตถุดิบใหม่ถูกใช้ก่อน

• b) วัตถุดิบเก่าถูกใช้ก่อน

• c) วัตถุดิบหมดอายุก่อนที่จะถูกนำมาใช้

• d) วัตถุดิบถูกใช้ตามลำดับเวลา