ข้อที่ 1 เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นที่ใด
เรื่อง สิ่งที่ดีกว่า
หญิงสาวคนหนึ่งมีฐานะร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน เธอจึงชอบพูดจาดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ ไม่เคยมีน้ำใจให้ใคร แล้วยังคิดว่าข้าวของทุกสิ่งที่ตัวเองมีนั้น ล้วนดีกว่าของคนอื่น ๆ ไม่มีใครมีอะไรที่ดีไปกว่าเธอ คนในหมู่บ้านจึงไม่ชอบเธอ และไม่อยากคบหาพูดคุยด้วย
“ดีเหมือนกัน ฉันก็ไม่อยากจะพูดคุยกับคนพวกนี้เท่าไหร่ ” เธอบอกกับตัวเอง
วันหนึ่งในฤดูหนาว บ้านของเธอถูกไฟไหม้ ข้าวของเงินทองเสียหายเกือบหมด กลายเป็นคนยากจน ไม่มีแม้แต่หม้อจะหุงข้าว เธอจึงเดินไปยังบ้านหญิงชราที่อยู่ไม่ไกลนัก
“บ้านฉันถูกไฟไหม้ แต่พอมีข้าวสารเหลืออยู่บ้าง อยากขอยืมหม้อหุงข้าวสักหน่อย จะได้ไหม?”
หญิงชราเจ้าของบ้านจึงตอบไปว่า “จำได้ไหม เธอเคยบอกว่า กระโถนที่บ้านเธอยังดีกว่าหม้อหุงข้าวบ้านฉัน เพราะฉะนั้นอย่าเอาไปเลยนะ แต่ฉันจะแบ่งข้าวให้กินบ้างก็แล้วกัน”
หญิงสาวยื่นมือไปรับห่อข้าวจากหญิงชราด้วยความรู้สึกละอายใจ พร้อมพูดเบา ๆ ว่า “ขอบใจจ้ะ”
ตกดึก ลมหนาวพัดแรง เธอนอนตัวสั่นเพราะความหนาว ไม่มีผ้าห่มสักผืนที่จะคลุมกาย รุ่งเช้า เธอจึงเดินฝ่าลมหนาวไปหาชายชราคนหนึ่งที่อยู่ถัดจากบ้านหญิงชราไป
“บ้านฉันถูกไฟไหม้ ไม่มีเสื้อผ้าและผ้าห่มเหลือเลย ลุงพอมีจะมีผ้าห่มให้ฉันสักผืนไหม?”
ชายชราได้ฟังเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีแต่ผ้าห่มเก่า ๆ ที่เธอเคยบอกว่า เหมือนผ้าขี้ริ้วที่บ้าน แต่ถ้าไม่รังเกียจ ข้าก็จะแบ่งให้ใช้”
เมื่อหญิงสาวบอกว่าไม่รังเกียจ ชายชราจึงนำผ้าห่มผืนเก่าที่ซักไว้สะอาดมามอบให้ผืนหนึ่ง
“ขอบใจนะจ๊ะ” หญิงสาวรับผ้าห่มจากชายชราด้วยความรู้สึกละอายใจเช่นกัน คืนนั้น ผ้าห่มเก่า ๆ ก็ช่วยให้เธอพอคลายหนาวได้ เธอนอนครุ่นคิดถึงคำพูดและการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง แล้วก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“ของที่ดีไม่อาจช่วยอะไรเราได้ คนดีต่างหากที่ได้ช่วยเรา และสิ่งที่ทุกคนมีดีกว่าเราก็คือ น้ำใจ”
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาค้าขายกอบกู้ฐานะ จนกลับมาร่ำรวยอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้เธอได้กลับตัวเป็นคนใหม่ที่มีน้ำใจเอื้ออารี และไม่พูดจาดูถูกใครอีกเลย เธอจึงเป็นที่รักของคนในหมู่บ้านตลอดมา