พื้นที่อนุรักษ์การได้ยินของบริษัทมีทั้งหมดกี่พื้นที่

• 8 พื้นที่

• 9 พื้นที่

• 10 พื้นที่

• 11 พื้นที่

พื้นที่ใดไม่ใช่พื้นที่อนุรักษ์การได้ยิน

• Collector

• Tablet

• Gel

• Paper part

ถ้าท่านต้องเข้าทำงานในพื้นที่อนุรักษ์การได้ยินของบริษัท ท่านต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE)ชนิดใด

• Ear Plug

• Ear fit

• แว่นตานิรภัย

• หน้ากากป้องกันฝุ่น

การสูญเสียการได้ยิน แบ่งออกเป็นกี่ประเภท มีอะไรบ้าง

• 1 ประเภท การสูญเสียการได้ยินชั่วคราว

• 2 ประเภท การสูญเสียการได้ยินชั่วคราว และการสูญเสียถาวร

• ถูกทั้ง 2 ข้อ

• ไม่มีข้อถูก

การสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวจะสามารถกลับมาได้ยินในกี่ชั่วโมง

• 12-24 ชั่วโมง

• 24-72 ชั่วโมง

• 48 -96 ชั่วโมง

• ไม่มีข้อใดถูก

ตามหลักการอนุรักษ์การได้ยิน ระดับเสียงที่ต้องเริ่มดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกัน (Action Level) มักจะกำหนดไว้ที่กี่เดซิเบล (dB) สำหรับระยะเวลาการสัมผัส 8 ชั่วโมง (Time-Weighted Average – TWA)?

• 80 dB

• 75 dB

• 90 dB

• 85 dB

การสูญเสียการได้ยินที่เกิดจากการสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน (Noise-Induced Hearing Loss) จัดอยู่ในประเภทใดเป็นหลัก?

• การนำเสียงบกพร่อง (Conductive)

• สูญเสียการได้ยินจากอายุ (Presbycusis)

• ผสม (Mixed)

• ประสาทรับเสียงบกพร่อง (Sensorineural)

ข้อปฏิบัติใดคือสิ่งสำคัญที่สุดในการใช้ปลั๊กอุดหู (Earplugs) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันเสียง?

• สอดปลั๊กอุดหูเข้าไปในช่องหูให้แน่นสนิท

• ทำความสะอาดปลั๊กอุดหูทุกวัน

• เปลี่ยนปลั๊กอุดหูทุก 6 เดือน

• สวมใส่เมื่อรู้สึกว่าเสียงดังเกินไปเท่านั้น

โครงสร้างส่วนใดในหูที่มักได้รับความเสียหายโดยตรงและถาวรจากการสัมผัสเสียงดัง?

• กระดูกหู (Ossicles)

• เซลล์ขนในคอเคลีย (Hair Cells in the Cochlea)

• หูชั้นกลาง (Middle Ear Cavity)

• เยื่อแก้วหู (Eardrum/Tympanic Membrane)

องค์ประกอบใดที่ ไม่ ใช่ส่วนสำคัญของโปรแกรมอนุรักษ์การได้ยินตามมาตรฐานสากล?

• การตรวจวัดระดับเสียง (Noise Monitoring)

• การตรวจสมรรถภาพการได้ยิน (Audiometric Testing)

• การให้ความรู้และฝึกอบรม (Education and Training)

• การจัดทำบันทึกความปลอดภัยจากสารเคมี (Chemical Safety Data Sheets - SDS)