ย่อความคืออะไร

• ก.การนำประโยคสำคัญมาเขียนเรียงกัน

• ข.การจับใจความสำคัญของเรื่องแล้วเขียนด้วยสำนวนของผู้ย่อเอง

• ค.การแต่งเรื่องด้วยสำนวนของเจ้าของความเดิม

• ง. ถูกทุกข้อ

ข้อใดควรทำก่อนเป็นอันดับแรกในการเขียนย่อความ

• ก.บันทึกใจความสำคัญ

• ข.อ่านเรื่องอย่างคร่าวๆ

• ค.อ่านเรื่องอย่างละเอียด

• ง.เขียนขึ้นต้นตามรูปแบบ

๓.การย่อความข้อใดควรทำก่อนในการจะเขียนโครงเรื่อง

• ก. ค้นคว้าหาความรู้

• ข. กำหนดหัวข้อที่จะเขียน

• ค. กำหนดหัวข้อย่อยจากข้อมูล

• ง.เขียนรายละเอียดคร่าว ๆ ของแต่ละหัวข้อ

“นายวิโรจน์ ประพฤติดี คงขยันเรียน” ข้อความนี้กล่าวถึงสิ่งใด

• ก.ใจความ

• ข.พลความ

• ค. ข้อคิดเห็น

• ง. ข้อความแสดงอารมณ์

ย่อความควรมีกี่ย่อหน้า

• ก. ย่อหน้าเดียว

• ข. เท่าจำนวนย่อหน้าของเนื้อเรื่องเดิม

• ค. สามย่อหน้า คือ คำนำ เนื้อเรื่อง สรุป

• ง. สองย่อหน้า คือ ย่อหน้าคำนำ และย่อหน้าเนื้อความซึ่งมักย่อเหลือเพียงย่อหน้าเดียว

ข้อความใดไม่ได้กล่าวถึงวิธีการย่อความ

• ก.เขียนคำนำตามแบบ

• ข. คงราชาศัพท์ไว้

• ค.คงสรรพนามเดิมไว้

• ง. ใช้ภาษาของผู้ย่อ

การย่อความนักเรียนควรปฏิบัติตามข้อใด

• ก. ตัดคำราชาศัพท์ทิ้งไป

• ข. เปลี่ยนสำนวนเป็นของผู้ย่อ

• ค. ย่อหน้าทุกครั้งที่ขึ้นตอนใหม่

• ง. เปลี่ยนคำราชาศัพท์เป็นคำสามัญ

การเขียนย่อความควรใช้วิธีเขียนอย่างไรจึงจะดีที่สุด

• ก. อ่านวิเคราะห์ไปพร้อมกับเขียนย่อไป

• ข. ตีความแต่ละย่อหน้าแล้วนำมาเขียนเรียงลำดับด้วยสำนวนของตนเอง

  น

• ค. อ่านจับใจความสำคัญแล้วจึงเรียบเรียงเป็นข้อความด้วยสำนวนตนเอง

• ง. ขีดเส้นใต้ข้อความที่เป็นใจความสำคัญแล้วนำมาเรียบเรียงเขียนให้ต่อเนื่องกั

ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการย่อความ

• ก.การเขียนคำตอบข้อสอบ

• ข.การตีความบทร้อยกรอง

• ค.การบันทึกรายงานการประชุม

• ง.การย่อความรู้จากหนังสือเรียน

สรรพนามที่ใช้ในการย่อความคือข้อใด

• ก. สรรพนามบุรุษที่ ๑

• ข. สรรพนามบุรุษที่ ๒

• ค. สรรพนามบุรุษที่ ๓

• ง. สรรพนามบุรุษที่ ๑ และ ๒